เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้องเนื้องอกต่อมใต้สมองผ่านทางโพรงจมูก
(RAM Pituitary Center)
โรงพยาบาลรามคำแหง
RAM Synergy Care " รักษาเนื้องอกต่อมใต้สมอง.. ไม่ใช่ที่ไหนก็ได้ "
"ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้องเนื้องอกต่อมใต้สมองผ่านทางโพรงจมูก (RAM Pituitary Center) โรงพยาบาลรามคำแหง พร้อมให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง ด้วยความร่วมมือกันระหว่างแพทย์ด้านประสาทศัลยศาสตร์ และ แพทย์หู คอ จมูก ผสมผสานวิทยาการด้านการผ่าตัดเข้ากับเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพิ่มความปลอดภัยในการผ่าตัดรักษาเนื้องอกในสมอง เพื่อช่วยให้คนไข้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง"
กำเนิดศูนย์ผ่าตัดส่องกล้องเนื้องอกต่อมใต้สมองผ่านทางโพรงจมูก (RAM Pituitary Center) โรงพยาบาลรามคำแหง
อย่างที่ทราบกันดีว่าแผนกผ่าตัดสมอง โรงพยาบาลรามคำแหง ที่นำโดย อาจารย์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ. สิระ บุณยะรัตเวช อาจารย์แพทย์ประสาทศัลยศาสตร์ ได้ทำงานร่วมมือกับทางแผนก หู คอ จมูก ในการรักษาผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมองกันมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญครั้งใหญ่
เมื่อปี 2548 นพ.ภูริปัณย์ อร่ามวัฒนพงศ์ แพทย์หู คอ จมูก เริ่มมีการนำกล้องส่องผ่าตัดเข้ามาร่วมใช้ในการผ่าตัดแทนที่การผ่าตัดแบบดั้งเดิม คือ การผ่าเข้าทางช่องเหนือเหงือก หรือ ผนังกั้นกลางจมูก
ต่อมาในปี 2558 นพ.นภสินธุ์ เถกิงเดช แพทย์ประสาทศัลยศาสตร์ ได้เข้าร่วมกับทีมผ่าตัดที่โรงพยาบาลรามคำแหง และได้สานต่อแนวทางการผ่าตัดส่องกล้องเนื้องอกต่อมใต้สมอง ทำให้นอกจากทางทีมผ่าตัดจะมีการพัฒนาเทคนิคให้ทันสมัยมาโดยตลอดแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนในเรื่องของเทคโนโลยีจากทางโรงพยาบาลอีกด้วย จนได้รับผลตอบรับในทางที่ดีเยี่ยมจากการรักษาผู้ป่วยด้วยเทคนิคนี้
จนทำให้ในที่สุดทางทีมผ่าตัดของ 2 แผนกจึงตัดสินใจร่วมกันว่าถึงเวลาแล้ว ที่พร้อมจะเปิดศูนย์การผ่าตัดส่องกล้องเนื้องอกต่อมใต้สมองผ่านทางโพรงจมูก (RAM Pituitary Center) ขึ้นมา เพื่อที่จะเน้นย้ำถึงความร่วมมืออันดีของ 2 แผนกในการบริการรักษาผู้ป่วยโรคเนื้องอกต่อมใต้สมองให้หายจากโรค และได้รับความปลอดภัยสูงสุด จากการผสมผสานความเชี่ยวชาญของแพทย์ทั้ง 2 แผนกในการรักษาเข้ากับอุปกรณ์การผ่าตัดที่ทันสมัยตลอดไป
เนื้องอกต่อมใต้สมอง (Pituitary adenoma) คืออะไร?
เนื้องอกต่อมใต้สมอง (Pituitary adenoma)
ต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) คืออะไร?
ต่อมใต้สมอง (Pituitary gland)
แนวทางการรักษาเนื้องอกต่อมใต้สมอง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
เทคนิคการผ่าตัดของศูนย์ส่องกล้องผ่าตัดเนื้องอกต่อมใต้สมองผ่านทางโพรงจมูก โรงพยาบาลรามคำแหง
ใช้วิธีการส่องกล้องผ่าตัด (Endoscopic Endonasal approach) เพราะเทคนิคนี้ช่วยให้ศัลยแพทย์ได้มีมุมมองในการผ่าตัดที่กว้างและครอบคลุมบริเวณที่สำคัญได้มากกว่า ทำให้สามารถผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัยมากขึ้น (ตามรูป) ด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยจะไม่มีแผลด้านนอก รวมถึงได้รับความเจ็บปวดหลังผ่าตัดน้อยมาก สามารถฟื้นตัวได้ไว และใช้เวลาพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลไม่นาน นอกจากนี้ที่ศูนย์เรายังใช้อุปกรณ์นำร่อง (Neuronavigator) สำหรับสร้างภาพโมเดลเสมือนจริงของคนไข้ร่วมด้วย เพื่อช่วยในการบอกตำแหน่งและทิศทางในขณะผ่าตัด คล้ายกับแผนที่นำทางให้ศัลยแพทย์เพื่อเสริมความปลอดภัยให้ผู้ป่วยมากขึ้นไปอีกขั้นได้
ความสำเร็จเกิดจากทีมแพทย์ (RAM Synergy Care & Multi-Specialty Care)
หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่าการรักษาเนื้องอกต่อมใต้สมองให้สำเร็จนั้น ไม่ใช่ว่ามีแค่หมอผ่าตัดแล้วจะทำให้สมบูรณ์ได้ แต่จริงๆ แล้วยังจำเป็นต้องมีทีมงาน ช่วยกันรักษาคนไข้อีกถึง 8 แผนก ที่มาร่วมช่วยกันทำให้ผู้ป่วยหายจากโรคได้อย่างปลอดภัย
เนื้องอกต่อมใต้สมองนั้น เป็นโรคที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนค่อนข้างมาก เนื่องจากต่อมใต้สมองเป็นบริเวณที่สร้างและกักเก็บฮอร์โมนหลายชนิดคนไข้แต่ละคนอาจมีความผิดปกติของแต่ละฮอร์โมนที่แตกต่างกันไป ขึ้นกับตำแหน่งของเนื้องอก “ การให้ยาระงับความรู้สึก จึงจำเป็นต้องเข้าใจถึงความผิดปกติของคนไข้แต่ละคน เพื่อวางแผนให้ยาได้อย่างเหมาะสม ” รวมถึงมีการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดโดยทำงานร่วมกับทีมอายุรแพทย์ โดยการผ่าตัดเนื้องอกจะใช้วิธีวางยาสลบแบบทั้งตัวคนไข้ไม่รู้สึกตัวระหว่างผ่าตัด และจะตื่นรู้สึกตัวทันทีหลังผ่าตัดอย่างนิ่มนวลและไม่ไอ สำหรับการผ่าตัดชนิดนี้ เป็นการผ่าตัดโดยการส่องกล้องเข้าทางจมูกจึงมักไม่ค่อยเจ็บ โดยวิสัญญีแพทย์ จะเป็นผู้ให้ยาแก้ปวดให้เพียงพอและปลอดภัยที่สุด
เมื่อพบเนื้องอกของต่อมใต้สมอง แพทย์ต่อมไร้ท่อต้องการทำการซักประวัติตรวจร่างกาย และตรวจวัดระดับฮอร์โมนว่าเนื้องอกนั้นสร้างฮอร์โมนมากเกินหรือไม่ ได้แก่ ภาวะฮอร์โมนการเจริญเติบโตเกินภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ และภาวะฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตเกิน (โรค cushing) ซึ่งพบได้น้อย แต่ที่พบบ่อยในภาวะเนื้องอกสร้างฮอร์โมนเกินที่สำคัญ คือถ้าเนื้องอกสร้างฮอร์โมนโปรแลคตินเกิน จะเป็นเนื้องอกเพียงชนิดเดียวที่ถ้าก้อนขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถทำให้ยุบลงโดยการรับประทานยา โดยไม่ต้องผ่าตัด ส่วนภาวะฮอร์โมนขาดจากก้อนกดทับ ได้แก่ ภาวะฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตบกพร่อง, ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำซึ่งจำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนทดแทนก่อนผ่าตัด, ฮอร์โมนเพศบกพร่องและฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหลังบกพร่อง ทำให้เกิดโรคเบาจืด แพทย์ต่อมไร้ท่อยังมีหน้าที่ให้ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตในช่วงผ่าตัดเพื่อป้องกันภาวะพร่องฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต ระหว่างผ่าตัดและหลังผ่าตัด มีหน้าที่ติดตามสารน้ำและเกลือแร่หลังผ่าตัด และประเมินฮอร์โมนหลังผ่าตัด 5-7 วัน จากนั้นทุก 3-6 เดือน
เนื้องอกต่อมใต้สมอง อาจกดเส้นประสาทตาทำให้ลานสายตาผิดปกติในตาทั้งสองข้าง ตามัว และอาจกดเส้นประสาทสมองคู่ที่ 3,4 และ 6 ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อตาผิดปกติ ผู้ป่วยจะมีอาการเห็นภาพซ้อน บทบาทของจักษุแพทย์ต่อโรคนี้ ได้แก่ การวินิจฉัย เนื่องจากผู้ป่วยบางรายมาพบแพทย์ด้วยอาการผิดปกติทางตา เช่น ตามัว เห็นภาพซ้อน และตรวจพบลานสายตาผิดปกติทางด้านนอกของตาทั้งสองข้าง และบทบาทในแง่การรักษา
เช่น ติดตามผลของการรักษาว่าการกดเบียดของเนื้องอกต่อเส้นประสาทตาและเส้นประสาทสมอง ลดลงหรือไม่ หรือมีการกลับมาเป็นซ้ำของเนื้องอกดังกล่าว โดยอาศัยการตรวจระดับการมองเห็นและลานสายตา
สำหรับโรคเนื้องอกต่อมใต้สมอง อายุรแพทย์ทางระบบสมองและเส้นประสาท (Neurologist) มีบทบาทสำคัญมากในการให้คำวินิจฉัยที่ถูกต้อง เพราะมีโอกาสที่จะเป็นบุคคลแรกที่ผู้ป่วยมาพบด้วยอาการแสดงต่างๆ ของโรค เช่น ปวดศีรษะมึนงง กล้ามเนื้ออ่อนแรง วูบจะเป็นลม บางรายที่เนื้องอกมีขนาดใหญ่มาก อาจจะมาด้วยอาการเสียลานสายตา ประสาทการมองเห็นผิดปกติ หรือปวดศีรษะ เฉียบพลันอาเจียน ตามัว เนื่องจากมีเลือดออกในก้อนเนื้องอก ซึ่งแพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียดเพื่อวิเคราะห์ที่มาของอาการว่าน่าจะเป็นจาก สาเหตุใดได้บ้าง จากนั้นจึงส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น เจาะเลือด ดูค่าฮอร์โมนและเกลือแร่ส่งทำสแกนสมอง เป็นต้น เมื่อได้รับคำวินิจฉัยที่ถูกต้องแล้วก็จะทำงานร่วมกันกับ
แพทย์ด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ต่อไป
MRI จะบอกความผิดปกติของต่อมใต้สมองอย่างละเอียด พร้อมทำการบ่งตำแหน่งของเนื้องอกต่อมใต้สมองได้ชัดเจน โดยร่วมกับการฉีดสารเข้าเส้นเลือดดูตำแหน่งและธรรมชาติของเนื้องอก อีกทั้งอวัยวะใกล้สมองและไซนัส เพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างชัดเจนตลอดถึงการติดตามผลการรักษาของเนื้องอกต่อมใต้สมองและรวมทั้งวางแผนการผ่าตัดอีกด้วย
สำหรับบทบาทของหมอหัวใจ ในการเตรียมตัวผู้ป่วยสำหรับการผ่าตัดสมองก็ถือว่าเป็นการผ่าตัดระดับกลางๆ ไม่ใช่ผ่าตัดใหญ่มากเหมือนการผ่าตัดของหัวใจ ยิ่งเทคโนโลยีดีขึ้นการผ่าตัดต่อมใต้สมองผ่านทางโพรงจมูก โดยการส่องกล้องแทนการเปิดกระโหลกผ่าตัด ก็จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนต่อหัวใจไปเยอะเลยค่ะ หน้าที่ของหมอก็คือทำให้การผ่าตัดเป็นไปได้อย่างราบรื่น โรคประจำตัวของคนไข้หรือโรคที่แอบซ่อนอยู่หมอก็ต้องเตรียมให้โรคเหล่านี้ สงบไม่กำเริบ ระหว่างการผ่าตัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ต้องอาศัยการประเมินผู้ป่วยเป็นรายเคส บางเคสต้องกินยาก่อน บางเคสต้องผ่าในเวลาที่เหมาะ ก็ต้องมาจัดตารางปรึกษากับทีมอาจารย์หมอผ่าตัดเพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
พยาธิแพทย์มีหน้าที่ให้คำวินิจฉัยโรคภายใต้กล้องจุลทรรศน์ (microscope) เพื่อจำแนกชนิดของเนื้องอกต่อมใต้สมอง (diagnosis) รวมถึงการพยากรณ์โรค (prognosis) ตลอดจนร่วมในการวางแผนการรักษา เพื่อให้การรักษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วย
เนื้องอกต่อมใต้สมอง แบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1. ชนิดที่ฮอร์โมนปกติ 2. ชนิดที่ฮอร์โมนผิดปกติ ซึ่งชนิดที่ 2 นี้อาจจำเป็นต้องใช้ยาร่วมด้วยเพื่อช่วยลด
อาการที่เกิดจากการผิดปกติของระดับฮอร์โมนนอกเหนือจากการผ่าตัดและการฉายรังสี การใช้รังสีรักษาในโรคนี้ พิจารณาใช้เป็นการรักษาเสริมภายหลังการผ่าตัดในรายที่มีการกลับเป็นซ้ำของโรค หรือมีระดับฮอร์โมนผิดปกติ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการกำเริบของโรคและช่วยเพิ่มการควบคุม
ระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ โดยทั่วไปการฉายรังสีจะใช้เวลาประมาณ 5-6 สัปดาห์ (25-30 ครั้ง) ปัจจุบันมีเทคนิคการฉายรังสีใหม่ ได้แก่ รังสีร่วมพิกัดหรือรังสีศัลยกรรมที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการรักษาโดยลดจำนวนครั้งของการฉายรังสีลงเหลือเพียง1-5 ครั้ง โดยจะเหมาะกับรอยโรคที่มีขนาดเล็กและอยู่ห่างจากเส้นประสาทตาหรือการใช้รังสีโปรตอนที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยต่อเส้นประสาทตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือมีการฉายรังสีซ้ำ
ตัวอย่างผลงานความสำเร็จของศูนย์ผ่าตัดส่องกล้องเนื้องอกต่อมใต้สมองผ่านทางโพรงจมูก โรงพยาบาลรามคำแหง
ภาพตัวอย่างเคสผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้องเนื้องอกต่อมใต้สมองผ่านทางโพรงจมูก โดย นพ.นภสินธุ์ เถกิงเดช และ นพ.ภูริปัณย์ อร่ามวัฒนพงศ์
ความประทับใจของผู้ที่เข้ารับการรักษาเนื้องอกต่อมใต้สมอง กับศูนย์ผ่าตัดส่องกล้องเนื้องอกต่อมใต้สมองผ่านทางโพรงจมูก โรงพยาบาลรามคำแหง
อ่านข้อมูลของโรคเนื้องอกต่อมใต้สมองเพิ่มเติม คลิก >> : เนื้องอกต่อมใต้สมอง เนื้องอกที่เกิดตรงส่วนเล็กๆ ของสมอง แต่กลับต้องใช้แพทย์ทีมใหญ่ในการรักษา
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
ปวดหัวอยู่ประมาณ 3-4 วัน
“ก็ไปหาคุณหมอท่านก็บอกว่าน่าจะเป็นไมเกรนระยะเริ่มต้น ก็ให้ยามาทานแล้วก็ฉีดยา มันไม่หายก็ หมอก็ขอสแกนผลออกมาก็ไม่มีอะไร วันรุ่งขึ้นกินไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้แล้ว แฟนก็เลยหามกลับไปโรงพยาบาล
คุณหมอก็เอาผล CT มาดูใหม่ แล้วก็เห็นเลยว่ามีอะไรบางอย่างก็โดนแอดมิดไปเลย คุณหมอก็แจ้งกลางดึกอีกวันหนึ่งอาจจะเป็นเนื้องอกนะ
แต่มันอยู่ตรงต่อมใต้สมอง เราก็ถามเรื่องการรักษา หมอบอกง่ายสุดคือผ่าตัดส่องกล้อง เพราะว่าจะได้ไม่ต้องแบบเปิดสมอง พอเอาออกไปแล้วก็คือจบ ตอนนี้ใช้ชีวิตปกติเลยค่ะ เมื่อก่อนเป็นคนป่วยง่าย ตั้งแต่ผ่าตัดก็ไม่ป่วยอีกเลย”
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
“ผมก็ออกกำลังกายปกติเนี่ยล่ะครับ ออกกำลังกายสักพักใหญ่ๆ แล้วผมก็เดินโงนเงนๆ เหมือนกับบ้านหมุน”
ผมก็ไม่เอะใจอะไรเลย วัน 2 วันผมก็ไม่ซีเรียสไม่คิดอะไรมาก แล้วทีนี้ผมก็นอนหลับเหมือนจะมีอาการบ้านหมุน นอนเหมือนกับคนน้ำในหูไม่เท่ากันทำนองนั้นครับ ลืมตาไม่ได้เลยมันก็เหมือนหมุนติ้วๆ เลย
ผมก็เลยเรียก 1669 ขอไป รพ.รามคำแหง แอดมิดดีกว่า เราอยากเช็คให้แน่นอน ไปหาหมอภูริปัณย์แล้วเขาก็เช็คเรื่องประสาทตา ประสาทหู พอทำ MRI ถึงจะรู้ไงไปเจอเนื้องอก หมอก็แนะนำว่าต้องผ่าด่วน ผมก็เลยตัดสินใจผ่าเลยดีกว่า
คุยกับหมอได้ผมไม่วิตกไอ้เรื่องว่าผ่าแล้วจะตาย-ไม่ตายผมเฉยๆ ปกติ คือก็สู้อยู่แล้ว อยากให้มันหายก็เลยตัดสินใจผ่า ตอนนี้อาการปกติ ไปไหน เดินเหินปกติครับ ทั่วไปดีขึ้น
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
คุณวรรัตน์บุตรสาวให้สัมภาษณ์
“เริ่มแรกคุณแม่บอกว่าเจ็บตา และก็มองไม่เห็น เราเข้าใจว่าเป็นเพราะมีอายุทำให้สายตาไม่ดี แล้วพอผ่านไปสัก 2-3 เดือนจนอาการหนักขึ้น ก็เลยตัดสินใจพามาหาหมอตาก่อน”
คุณหมอก็ได้ทำการตรวจอย่างละเอียดเลยค่ะ จนสุดท้ายคุณหมอบอกว่าตาไม่ได้เป็นอะไร คิดว่าน่าจะมีเนื้องอกที่ไปทับเส้นประสาทตา คุณหมอได้ส่งไปเอกซเรย์ทำ MRI ฉีดสีวันนั้นเลยค่ะ ผลก็ออกมาว่าเป็นเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง
คุณหมอเขาแนะนำให้มาพบกับ อ.นภสินธุ์ โชคดีวันนั้นที่ อ.นภสินธุ์อยู่เวรพอดี อาจารย์เขาก็แจ้งทุกอย่างเลยว่าไม่อันตราย เป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้องผ่านทางโพรงจมูก ซึ่งมี อ.ภูริปัณย์ เป็นคนเปิดช่องให้
หลังจากผ่าตัดเสร็จคุณหมอก็ได้เชิญเข้าห้องไอซียูเพื่อไปดูอาการคุณแม่ก็ตกใจมากไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนที่พึ่งผ่าตัดสมองมา เพราะว่าคุณแม่รู้เรื่องทุกอย่างเลยค่ะ ขอบคุณ อ.นภสินธุ์ และ อ.ภูริปัณย์มากๆ ค่ะ
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
ในระยะเวลา 7-8 เดือน เริ่มจาก คัด จาม น้ำมูกไหล คิดว่าเป็น “ภูมิแพ้”
เริ่มจากคัดจมูก 1 ข้างเป็น 2 ข้าง...จนต่อมาหายใจไม่ได้เลย และเริ่มเห็นก้อนโผล่ออกมาที่จมูก ต้องหายใจทางปากตลอด แต่ก็รักษามาเรื่อยๆ นะ คืออาการหนักเลย จนกระทั้งวันหนึ่งมีเลือดออกทางจมูกด้านขวาเพราะด้านซ้ายจมูกตัน แล้วก็ออกลำคอไหลออกทั้งวัน
ไม่หยุดก็เลยไป รพ.ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งเพราะมีประกันสังคมอยู่ที่นั่น...หมอเขาก็ตรวจแล้วก็ส่งตัวไป รพ.แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพื่อเอาก้อนเนื้อจากจมูกไปตรวจ พอผลตรวจออกมาว่าเป็นมะเร็ง และลามขึ้นสมองแล้วเขาไม่สามารถที่จะผ่าได้เขาก็เลยส่งมาที่ รพ.รามคำแหง เพราะทีมแพทย์พร้อม เครื่องมือพร้อมเห็นคุณหมอบอกเนื้องอกของคุณใหญ่มาก บอกว่า ใช้เวลาในการผ่าตัดนาน ถามว่ากลัวไหม
มันก็กลัวนะ ...เราก็ไม่กล้านอนนะกลัวหายใจไม่ออก ต้องขอจับมือคุณพยาบาลให้เฝ้าจนนอนหลับก่อนค่อยออกไปได้ไหม อะไรประมาณนี้ค่ะ
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
“หลังจากผ่าประมาณ 3 เดือน ประจำเดือนก็เริ่มมา โดยรวมแล้วมันก็ดีขึ้น”
ตอนแรกไปหาหมอสูติก่อนว่าปวดท้อง แล้วก็ประจำเดือนไม่มาตรวจภายในก็ปกติ เขาก็เลยส่งไปตรวจเลือด
เขาบอกมันมีค่าตัวหนึ่งเป็นค่าฮอร์โมนต่อมใต้สมองผิดปกติ เขาก็เลยส่งไปที่แผนกต่อมไร้ท่อ
จนให้ทำ MRI ก็ไปเจอก้อนเนื้ออยู่ที่ต่อมใต้สมอง
แล้วเขาก็ส่งไปผ่าตัด แต่ปรากฏว่ายังผ่าไม่ได้เพราะไปเจอว่าเป็นเชื้อราตรงโพรงไซนัสอีก ต้องผ่าตัดไซนัสก่อน
แล้วก็มีญาติแนะนำมาว่าถ้าเกิดผ่าตัดสมองผ่า รพ.รามคำแหงดีไหม มีหมอรักษาดี แล้วราคาก็แบบไม่ได้สูงมาก ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับ รพ.รามคำแหง
การผ่าตัดเนื้องอกต่อมใต้สมอง ก็เลยตัดสินใจเอาฟิล์มเอกซเรย์ไปหาหมอนภสินธุ์ ซึ่ง นพ.นภสินธุ์ กับ นพ.ภูริปัณย์ ผ่าตัดร่วมกัน
ประสบการณ์การรักษาจากผู้ป่วยเนื้องอกในสมอง
ตาขวาพร่ามัวมองไม่ค่อยเห็นและ ปวดหัวแบบจี๊ด ๆ แล้วลามมาปวดที่ขมับขวาอยู่อย่างนั้น ซึ่งเวลาไหนที่ปวดมากก็ทำเอาเจ้าตัวถึงกับน้ำตาก็จะไหล...
“คุณกุลภัสสร์” บุตรสาวของ “คุณหวัง เตโช” โดยได้ให้ข้อมูลว่า “...เขากินยาพวกความดันอยู่แล้ว แต่ก่อนผ่าตัดราว 1-2 อาทิตย์เกิดอาการปวดหัวมาก...ปวดจนไม่ได้นอนเพราะถ้านอนไปแล้วก็จะปวด-ปวดจนนอนไม่หลับ ลูก ๆ เลยคิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้แล้วเพราะแม่ได้นอนเลยถึงได้พาไปโรงพยาบาลแล้วได้เข้าเครื่อง MRI ก็เจอก้อนเนื้องอก ทำให้มาคิดกันว่าเราจะพาแม่ไปผ่าที่ไหนดี ก็เลยค้นหาข้อมูลจากเน็ตก็เจอว่าโรงพยาบาลรามคำแหงมีชื่อเสียงเรื่องรักษาเนื้องอก ก็เลยสรุปว่างั้นเราเลือกไปที่โรงพยาบาลรามคำแหงโดยไปหาคุณหมอนภสินธุ์ เถกิงเดช แม่จึงได้เข้าเครื่องสแกนสมอง MRI อีกรอบแล้วหมอก็บอกว่ามีก้อนเนื้อขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตรอยู่ด้านหลังตาขวาตรงช่องระหว่างสมองซึ่งผ่าตัดได้ แต่แม่ก็คิดอยู่ว่ากลัวจะไม่ฟื้น คือไม่อยากผ่าเพราะกลัวตายนั่นละ หมอก็บอกว่าเคยเจอกรณีที่ยากกว่านี้ ขออย่าได้กังวล...ก็ให้กำลังใจคนไข้ค่ะ แม่ได้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลรามคำแหง 1 อาทิตย์ค่ะ และได้เข้ารับการตรวจสแกนสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอีกรอบหนึ่ง และหลังจากที่คุณหมอพิจารณาผลการสแกนแล้วก็ได้บอกเราว่าอีก 2 ปีค่อยมาเจอกัน...ประทับใจอาจารย์หมอเพราะพอผ่าตัดเสร็จตอนกลางคืนก็โทรมาบอกเราตอนเที่ยงคืนนั้นเลย ดึกขนาดนั้นก็ยัง โทรมาหามาบอกเราว่าปลอดภัยดีนะ คุณแม่เขาโอเคหมอผ่าตัดเรียบร้อย เพราะรู้ว่าเราเป็นห่วงเพราะแม่เองก็กังวลกลัวว่าจะไม่ฟื้น เลยพลอยให้ลูก ๆ ห่วงกันไปด้วย แต่มันก็น่ากลัว ผ่าสมองก็ต้องกลัวกันทั้งนั้น...แต่อาจารย์ก็บอกว่าไม่ต้องกลัว คิดไม่ผิดเลยที่ค้นข้อมูลแล้วเจอคุณหมอนภสินธุ์คนนี้ละค่ะ...นอกนั้นก็พาแม่ไปหาหมอปนัดดาเพื่อจะได้ดูเกี่ยวกับเบาหวาน ความดันโลหิต และแม่ก็เป็นหัวใจโตด้วยก็ให้เขาดูแลหมดทุกอย่าง คือต้องพามาหาหมอทุก 2-3 เดือนค่ะ...”
อดีตผู้ป่วยเนื้องอกในสมอง
“ไม่มีอาการปวดหัว แต่มีอาการเหมือนโรคซึมเศร้ามาก คือชอบอยู่คนเดียว เอาแต่นอนไม่แต่งตัว”
ตั้งแต่ประมาณเดือนกันยายน 2562 คือจะนอน ไม่พูดจากับใครไม่คุยกับใครไม่ยอมไปสอนหนังสือแล้วก็มีอาการมึนหัว งานการไม่เอา แม่ก็บอกว่าลองพาไปเช็คที่ รพ.รามคำแหง ซิว่าเขาเป็นอะไร ก็โทรมาปรึกษากับพยาบาลว่าอาการแบบเนี๊ยะ จากที่เราศึกษาดูเหมือนโรคซึมเศร้าเลย พามาหาหมอโรคจิตแต่อาการเขาน่ะไม่มีปวดหัวเลย ก็มาหาหมอช่วงเดือนธันวาคมประมาณเดือนหนึ่งมาทุกอาทิตย์ก็ไม่ดีขึ้น เพราะว่าคุณไข้เริ่มปัสสาวะ อุจจาระ ไม่รู้เรื่องแล้วน่าจะเกี่ยวกับสมอง เพราะว่าสมองมันจะคุมทุกอย่าง วันนี้เลยต้องเข้าอุโมงค์เลยโดยรอ 4 ชม.เพื่อให้ท้องว่างให้ทุกอย่างว่างให้พร้อม คุณหมอก็บอกว่ามันเป็นเยอะมากเนื้องอกอยู่รอบไปหมดเลย
หมอบอกว่าให้มาเตรียมตัวเลยต้องผ่าตัดใช้เวลา 10 ชม. ที่จะทำการผ่าตัดก็ตกลงมาอยู่นี่แล้วก็เริ่มผ่าตัด พอผ่าตัดแล้วคือเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยออกมาก็อาละวาด จะดึงแผลออก ดึงทุกอย่าง ก็ต้องคอยเฝ้ากันไม่ให้เขาดึง ต่อมาอาการเขาก็ดีขึ้นๆ จำคนโน้นได้จำคนนี้ได้จำทุกอย่างได้ทุกครั้งที่มาหาหมอๆ ก็จะเช็คสมองโดยการให้บวกเลขบ้างให้ลบเลขบ้าง แต่เขาก็ดีขึ้นสามารถจำได้บวกลบเลขได้ คุณหมอบอกว่าจากการผ่าตัด คือสมองเนื้องอกส่วนที่เอาออกไปมันต้องรอเวลาที่จะให้มันกลับมาเหมือนเดิมจากที่มันโดนกดทับมาค่ะ
อดีตผู้ป่วยเนื้องอกในสมอง
“ผ่าตัด 4 ชม.ฟื้นมาก็ปกติ ต่างจากตอนมาอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ”
พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคือ นอนทั้งวันแล้วก็เหมือนถามอะไรก็จะตอบช้าๆ คิดไม่ออก จำ พ.ศ.เกิด วันเกิดของตัวเองไม่ได้ แม่ก็นอนอย่างเดียวเลยแล้วข้าวปลาก็ไม่กิน น้ำก็ไม่อาบหนูก็เอะใจมาก ก็เลยพาแม่ไปรพ.
เวลาเข้าพบหมอๆ ก็ถามอะไรแม่เกี่ยวกับอาการแล้วคุณหมอก็ให้ไปทำเอ็มอาร์ไอฉีดสี รู้ผลๆ ออกมา หมอก็บอกว่าเป็นเนื้องอกในสมองค่ะ ก็เลยต้องอยู่รพ. วันนั้นเลย และต้องผ่าวันรุ่งขึ้นเพราะสมองบวมเยอะแล้วค่ะ
หลังจากคุณหมอผ่าตัด 4 ชม. ก็รู้สึกตัวเลยค่ะ ลูกๆ ก็มาล้อมรอบเตียงถามว่าจำได้ไหม จำ พี่ๆ น้องๆ ได้ไหม คือลูกๆ กลัวว่าจะจำคนโน้นได้มั๊ย จำอะไรต่ออะไรได้มั๊ย แม่ก็จำได้หมดสื่อสารทุกอย่างได้หมด คล่องแคล่ว ดีใจกันใหญ่เลย ร้องไห้แบบดีใจว่าเออคุณแม่จำได้ทุกอย่าง กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
ปวดหัวอยู่ประมาณ 3-4 วัน
“ก็ไปหาคุณหมอท่านก็บอกว่าน่าจะเป็นไมเกรนระยะเริ่มต้น ก็ให้ยามาทานแล้วก็ฉีดยา มันไม่หายก็ หมอก็ขอสแกนผลออกมาก็ไม่มีอะไร วันรุ่งขึ้นกินไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้แล้ว แฟนก็เลยหามกลับไปโรงพยาบาล
คุณหมอก็เอาผล CT มาดูใหม่ แล้วก็เห็นเลยว่ามีอะไรบางอย่างก็โดนแอดมิดไปเลย คุณหมอก็แจ้งกลางดึกอีกวันหนึ่งอาจจะเป็นเนื้องอกนะ
แต่มันอยู่ตรงต่อมใต้สมอง เราก็ถามเรื่องการรักษา หมอบอกง่ายสุดคือผ่าตัดส่องกล้อง เพราะว่าจะได้ไม่ต้องแบบเปิดสมอง พอเอาออกไปแล้วก็คือจบ ตอนนี้ใช้ชีวิตปกติเลยค่ะ เมื่อก่อนเป็นคนป่วยง่าย ตั้งแต่ผ่าตัดก็ไม่ป่วยอีกเลย”
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
“ผมก็ออกกำลังกายปกติเนี่ยล่ะครับ ออกกำลังกายสักพักใหญ่ๆ แล้วผมก็เดินโงนเงนๆ เหมือนกับบ้านหมุน”
ผมก็ไม่เอะใจอะไรเลย วัน 2 วันผมก็ไม่ซีเรียสไม่คิดอะไรมาก แล้วทีนี้ผมก็นอนหลับเหมือนจะมีอาการบ้านหมุน นอนเหมือนกับคนน้ำในหูไม่เท่ากันทำนองนั้นครับ ลืมตาไม่ได้เลยมันก็เหมือนหมุนติ้วๆ เลย
ผมก็เลยเรียก 1669 ขอไป รพ.รามคำแหง แอดมิดดีกว่า เราอยากเช็คให้แน่นอน ไปหาหมอภูริปัณย์แล้วเขาก็เช็คเรื่องประสาทตา ประสาทหู พอทำ MRI ถึงจะรู้ไงไปเจอเนื้องอก หมอก็แนะนำว่าต้องผ่าด่วน ผมก็เลยตัดสินใจผ่าเลยดีกว่า
คุยกับหมอได้ผมไม่วิตกไอ้เรื่องว่าผ่าแล้วจะตาย-ไม่ตายผมเฉยๆ ปกติ คือก็สู้อยู่แล้ว อยากให้มันหายก็เลยตัดสินใจผ่า ตอนนี้อาการปกติ ไปไหน เดินเหินปกติครับ ทั่วไปดีขึ้น
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
คุณวรรัตน์บุตรสาวให้สัมภาษณ์
“เริ่มแรกคุณแม่บอกว่าเจ็บตา และก็มองไม่เห็น เราเข้าใจว่าเป็นเพราะมีอายุทำให้สายตาไม่ดี แล้วพอผ่านไปสัก 2-3 เดือนจนอาการหนักขึ้น ก็เลยตัดสินใจพามาหาหมอตาก่อน”
คุณหมอก็ได้ทำการตรวจอย่างละเอียดเลยค่ะ จนสุดท้ายคุณหมอบอกว่าตาไม่ได้เป็นอะไร คิดว่าน่าจะมีเนื้องอกที่ไปทับเส้นประสาทตา คุณหมอได้ส่งไปเอกซเรย์ทำ MRI ฉีดสีวันนั้นเลยค่ะ ผลก็ออกมาว่าเป็นเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง
คุณหมอเขาแนะนำให้มาพบกับ อ.นภสินธุ์ โชคดีวันนั้นที่ อ.นภสินธุ์อยู่เวรพอดี อาจารย์เขาก็แจ้งทุกอย่างเลยว่าไม่อันตราย เป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้องผ่านทางโพรงจมูก ซึ่งมี อ.ภูริปัณย์ เป็นคนเปิดช่องให้
หลังจากผ่าตัดเสร็จคุณหมอก็ได้เชิญเข้าห้องไอซียูเพื่อไปดูอาการคุณแม่ก็ตกใจมากไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนที่พึ่งผ่าตัดสมองมา เพราะว่าคุณแม่รู้เรื่องทุกอย่างเลยค่ะ ขอบคุณ อ.นภสินธุ์ และ อ.ภูริปัณย์มากๆ ค่ะ
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
ในระยะเวลา 7-8 เดือน เริ่มจาก คัด จาม น้ำมูกไหล คิดว่าเป็น “ภูมิแพ้”
เริ่มจากคัดจมูก 1 ข้างเป็น 2 ข้าง...จนต่อมาหายใจไม่ได้เลย และเริ่มเห็นก้อนโผล่ออกมาที่จมูก ต้องหายใจทางปากตลอด แต่ก็รักษามาเรื่อยๆ นะ คืออาการหนักเลย จนกระทั้งวันหนึ่งมีเลือดออกทางจมูกด้านขวาเพราะด้านซ้ายจมูกตัน แล้วก็ออกลำคอไหลออกทั้งวัน
ไม่หยุดก็เลยไป รพ.ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งเพราะมีประกันสังคมอยู่ที่นั่น...หมอเขาก็ตรวจแล้วก็ส่งตัวไป รพ.แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพื่อเอาก้อนเนื้อจากจมูกไปตรวจ พอผลตรวจออกมาว่าเป็นมะเร็ง และลามขึ้นสมองแล้วเขาไม่สามารถที่จะผ่าได้เขาก็เลยส่งมาที่ รพ.รามคำแหง เพราะทีมแพทย์พร้อม เครื่องมือพร้อมเห็นคุณหมอบอกเนื้องอกของคุณใหญ่มาก บอกว่า ใช้เวลาในการผ่าตัดนาน ถามว่ากลัวไหม
มันก็กลัวนะ ...เราก็ไม่กล้านอนนะกลัวหายใจไม่ออก ต้องขอจับมือคุณพยาบาลให้เฝ้าจนนอนหลับก่อนค่อยออกไปได้ไหม อะไรประมาณนี้ค่ะ
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
“หลังจากผ่าประมาณ 3 เดือน ประจำเดือนก็เริ่มมา โดยรวมแล้วมันก็ดีขึ้น”
ตอนแรกไปหาหมอสูติก่อนว่าปวดท้อง แล้วก็ประจำเดือนไม่มาตรวจภายในก็ปกติ เขาก็เลยส่งไปตรวจเลือด
เขาบอกมันมีค่าตัวหนึ่งเป็นค่าฮอร์โมนต่อมใต้สมองผิดปกติ เขาก็เลยส่งไปที่แผนกต่อมไร้ท่อ
จนให้ทำ MRI ก็ไปเจอก้อนเนื้ออยู่ที่ต่อมใต้สมอง
แล้วเขาก็ส่งไปผ่าตัด แต่ปรากฏว่ายังผ่าไม่ได้เพราะไปเจอว่าเป็นเชื้อราตรงโพรงไซนัสอีก ต้องผ่าตัดไซนัสก่อน
แล้วก็มีญาติแนะนำมาว่าถ้าเกิดผ่าตัดสมองผ่า รพ.รามคำแหงดีไหม มีหมอรักษาดี แล้วราคาก็แบบไม่ได้สูงมาก ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับ รพ.รามคำแหง
การผ่าตัดเนื้องอกต่อมใต้สมอง ก็เลยตัดสินใจเอาฟิล์มเอกซเรย์ไปหาหมอนภสินธุ์ ซึ่ง นพ.นภสินธุ์ กับ นพ.ภูริปัณย์ ผ่าตัดร่วมกัน
ประสบการณ์การรักษาจากผู้ป่วยเนื้องอกในสมอง
ตาขวาพร่ามัวมองไม่ค่อยเห็นและ ปวดหัวแบบจี๊ด ๆ แล้วลามมาปวดที่ขมับขวาอยู่อย่างนั้น ซึ่งเวลาไหนที่ปวดมากก็ทำเอาเจ้าตัวถึงกับน้ำตาก็จะไหล...
“คุณกุลภัสสร์” บุตรสาวของ “คุณหวัง เตโช” โดยได้ให้ข้อมูลว่า “...เขากินยาพวกความดันอยู่แล้ว แต่ก่อนผ่าตัดราว 1-2 อาทิตย์เกิดอาการปวดหัวมาก...ปวดจนไม่ได้นอนเพราะถ้านอนไปแล้วก็จะปวด-ปวดจนนอนไม่หลับ ลูก ๆ เลยคิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้แล้วเพราะแม่ได้นอนเลยถึงได้พาไปโรงพยาบาลแล้วได้เข้าเครื่อง MRI ก็เจอก้อนเนื้องอก ทำให้มาคิดกันว่าเราจะพาแม่ไปผ่าที่ไหนดี ก็เลยค้นหาข้อมูลจากเน็ตก็เจอว่าโรงพยาบาลรามคำแหงมีชื่อเสียงเรื่องรักษาเนื้องอก ก็เลยสรุปว่างั้นเราเลือกไปที่โรงพยาบาลรามคำแหงโดยไปหาคุณหมอนภสินธุ์ เถกิงเดช แม่จึงได้เข้าเครื่องสแกนสมอง MRI อีกรอบแล้วหมอก็บอกว่ามีก้อนเนื้อขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตรอยู่ด้านหลังตาขวาตรงช่องระหว่างสมองซึ่งผ่าตัดได้ แต่แม่ก็คิดอยู่ว่ากลัวจะไม่ฟื้น คือไม่อยากผ่าเพราะกลัวตายนั่นละ หมอก็บอกว่าเคยเจอกรณีที่ยากกว่านี้ ขออย่าได้กังวล...ก็ให้กำลังใจคนไข้ค่ะ แม่ได้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลรามคำแหง 1 อาทิตย์ค่ะ และได้เข้ารับการตรวจสแกนสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอีกรอบหนึ่ง และหลังจากที่คุณหมอพิจารณาผลการสแกนแล้วก็ได้บอกเราว่าอีก 2 ปีค่อยมาเจอกัน...ประทับใจอาจารย์หมอเพราะพอผ่าตัดเสร็จตอนกลางคืนก็โทรมาบอกเราตอนเที่ยงคืนนั้นเลย ดึกขนาดนั้นก็ยัง โทรมาหามาบอกเราว่าปลอดภัยดีนะ คุณแม่เขาโอเคหมอผ่าตัดเรียบร้อย เพราะรู้ว่าเราเป็นห่วงเพราะแม่เองก็กังวลกลัวว่าจะไม่ฟื้น เลยพลอยให้ลูก ๆ ห่วงกันไปด้วย แต่มันก็น่ากลัว ผ่าสมองก็ต้องกลัวกันทั้งนั้น...แต่อาจารย์ก็บอกว่าไม่ต้องกลัว คิดไม่ผิดเลยที่ค้นข้อมูลแล้วเจอคุณหมอนภสินธุ์คนนี้ละค่ะ...นอกนั้นก็พาแม่ไปหาหมอปนัดดาเพื่อจะได้ดูเกี่ยวกับเบาหวาน ความดันโลหิต และแม่ก็เป็นหัวใจโตด้วยก็ให้เขาดูแลหมดทุกอย่าง คือต้องพามาหาหมอทุก 2-3 เดือนค่ะ...”
อดีตผู้ป่วยเนื้องอกในสมอง
“ไม่มีอาการปวดหัว แต่มีอาการเหมือนโรคซึมเศร้ามาก คือชอบอยู่คนเดียว เอาแต่นอนไม่แต่งตัว”
ตั้งแต่ประมาณเดือนกันยายน 2562 คือจะนอน ไม่พูดจากับใครไม่คุยกับใครไม่ยอมไปสอนหนังสือแล้วก็มีอาการมึนหัว งานการไม่เอา แม่ก็บอกว่าลองพาไปเช็คที่ รพ.รามคำแหง ซิว่าเขาเป็นอะไร ก็โทรมาปรึกษากับพยาบาลว่าอาการแบบเนี๊ยะ จากที่เราศึกษาดูเหมือนโรคซึมเศร้าเลย พามาหาหมอโรคจิตแต่อาการเขาน่ะไม่มีปวดหัวเลย ก็มาหาหมอช่วงเดือนธันวาคมประมาณเดือนหนึ่งมาทุกอาทิตย์ก็ไม่ดีขึ้น เพราะว่าคุณไข้เริ่มปัสสาวะ อุจจาระ ไม่รู้เรื่องแล้วน่าจะเกี่ยวกับสมอง เพราะว่าสมองมันจะคุมทุกอย่าง วันนี้เลยต้องเข้าอุโมงค์เลยโดยรอ 4 ชม.เพื่อให้ท้องว่างให้ทุกอย่างว่างให้พร้อม คุณหมอก็บอกว่ามันเป็นเยอะมากเนื้องอกอยู่รอบไปหมดเลย
หมอบอกว่าให้มาเตรียมตัวเลยต้องผ่าตัดใช้เวลา 10 ชม. ที่จะทำการผ่าตัดก็ตกลงมาอยู่นี่แล้วก็เริ่มผ่าตัด พอผ่าตัดแล้วคือเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยออกมาก็อาละวาด จะดึงแผลออก ดึงทุกอย่าง ก็ต้องคอยเฝ้ากันไม่ให้เขาดึง ต่อมาอาการเขาก็ดีขึ้นๆ จำคนโน้นได้จำคนนี้ได้จำทุกอย่างได้ทุกครั้งที่มาหาหมอๆ ก็จะเช็คสมองโดยการให้บวกเลขบ้างให้ลบเลขบ้าง แต่เขาก็ดีขึ้นสามารถจำได้บวกลบเลขได้ คุณหมอบอกว่าจากการผ่าตัด คือสมองเนื้องอกส่วนที่เอาออกไปมันต้องรอเวลาที่จะให้มันกลับมาเหมือนเดิมจากที่มันโดนกดทับมาค่ะ
อดีตผู้ป่วยเนื้องอกในสมอง
“ผ่าตัด 4 ชม.ฟื้นมาก็ปกติ ต่างจากตอนมาอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ”
พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคือ นอนทั้งวันแล้วก็เหมือนถามอะไรก็จะตอบช้าๆ คิดไม่ออก จำ พ.ศ.เกิด วันเกิดของตัวเองไม่ได้ แม่ก็นอนอย่างเดียวเลยแล้วข้าวปลาก็ไม่กิน น้ำก็ไม่อาบหนูก็เอะใจมาก ก็เลยพาแม่ไปรพ.
เวลาเข้าพบหมอๆ ก็ถามอะไรแม่เกี่ยวกับอาการแล้วคุณหมอก็ให้ไปทำเอ็มอาร์ไอฉีดสี รู้ผลๆ ออกมา หมอก็บอกว่าเป็นเนื้องอกในสมองค่ะ ก็เลยต้องอยู่รพ. วันนั้นเลย และต้องผ่าวันรุ่งขึ้นเพราะสมองบวมเยอะแล้วค่ะ
หลังจากคุณหมอผ่าตัด 4 ชม. ก็รู้สึกตัวเลยค่ะ ลูกๆ ก็มาล้อมรอบเตียงถามว่าจำได้ไหม จำ พี่ๆ น้องๆ ได้ไหม คือลูกๆ กลัวว่าจะจำคนโน้นได้มั๊ย จำอะไรต่ออะไรได้มั๊ย แม่ก็จำได้หมดสื่อสารทุกอย่างได้หมด คล่องแคล่ว ดีใจกันใหญ่เลย ร้องไห้แบบดีใจว่าเออคุณแม่จำได้ทุกอย่าง กลับมาเป็นเหมือนเดิม
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th