โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก รักษาโดยการฉีดยาโบทูลินั่ม ท็อกซิน

December 13 / 2023

 

 

 

โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก

รักษาด้วยการฉีดยาโบทูลินั่ม ท็อกซิน

 

 

ผศ.นพ.ปรัชญา ศรีวานิชภูมิ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท

 

 

โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกมีอาการอย่างไร ?

 

โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกเป็นโรคในกลุ่มการเคลื่อนไหวผิดปกติ ซึ่งจะเป็นรูปแบบของการ “กระตุก” ของกล้ามเนื้อใบหน้าโดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการเกิดที่ใบหน้าซีกใดซีกหนึ่ง อาการกระตุกจะเกิดขึ้นในกลุ่มของกล้ามเนื้อใบหน้าที่ควบคุมโดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ได้แก่ กล้ามเนื้อรอบดวงตา หน้าผาก มุมปาก และ กล้ามเนื้อชั้นตื้นบริเวณลำคอ อาการกระตุกที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นแบบสุ่ม ไม่เป็นจังหวะ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นช่วงใด และไม่สามารถควบคุมได้ ในรายที่มีอาการมากอาจมีการกระตุกจนกล้ามเนื้อหดเกร็งค้างทำให้ใบหน้าดูผิดรูป ตาข้างที่มีอาการลืมไม่ขึ้น หรือมุมปากข้างที่มีอาการหดเกร็งจนดูเบี้ยวผิดรูปได้ โดยรายที่มีอาการหดเกร็งมากอาจมีอาการปวดใบหน้าข้างดังกล่าวได้ นอกจากนี้ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการได้ยินเสียง “คลิก” ในหูข้างเดียวกันกับที่มีอาการใบหน้ากระตุกครึ่งซีก

 

 

 

โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกพบได้บ่อยเท่าไร ?

 

มีการศึกษาถึงความชุกในการเกิดโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนั้นพบได้บ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยมีความชุกในการพบโรคดังกล่าวในเพศหญิงอยู่ที่ประมาณ 14.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย ในขณะที่ในเพศชายพบความชุกอยู่ที่ประมาณ 7.4 ราย ต่อ ประชากร 100,000 ราย อย่างไรก็ตามพบว่าความชุกดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นในชาวเอเชียมากกว่าชาวตะวันตก

 

 

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก ?

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนั้นมีหลากหลาย โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • เป็นตามหลังภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ (Bell’s palsy)  หรือ บาดเจ็บ
  • การมีวงของหลอดเลือด (vascular loop) ที่บริเวณก้านสมองไปกดเบียดเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7

 

 

ส่วนสาเหตุอื่นๆ ที่สามารถก่อให้เกิดโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกแต่พบได้ไม่บ่อย ได้แก่

  • เนื้องอกบริเวณก้านสมอง
  • โรคปลอกเยื่อหุ้มประสาทส่วนกลางอักเสบ (demyelinating diseases) เป็นต้น

 

 

 

ปัจจัยใดที่กระตุ้นให้โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกมีอาการหน้ากระตุกเพิ่มขึ้น ?

 

ตัวอย่างของปัจจัยที่อาจจะกระตุ้นให้อาการกระตุกเป็นเพิ่มขึ้นได้แก่

  • แสงสว่างมากๆ หรือ เสียงดังๆ
  • การเคี้ยว หรือ การพูด
  • การล้างหน้า และ/หรือ แปรงฟัน
  • การอดนอน ความเครียด หรือ วิตกกังวล
  • การจ้องหน้าจอ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์เป็นเวลานาน

 

 

แนวทางการรักษาโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกที่มีในปัจจุบันคืออะไร ?

 

ปัจจุบันแนวทางการรักษาโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกแบ่งออกเป็น 3 วิธี ได้แก่

  • การรับประทานยา
    • ข้อดี : ไม่มีอาการเจ็บปวด เลือดออก หรือติดเชื้อซึ่งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้จากการฉีดยาหรือผ่าตัด
    • ข้อเสีย : เนื่องจากยาส่วนใหญ่ที่ใช้ในการลดอาการกระตุกมีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม เพราะฉะนั้นอาจรบกวนการทำงาน ใช้ชีวิตประจำวัน หรือ เป็นอันตรายต่อการเดินทางโดยเฉพาะในรายที่ต้องขับขี่ยานพาหนะ
    • ระยะเวลาในการรักษา: เนื่องจากการรับประทานยาเป็นการบรรเทาอาการกระตุกเมื่อยาหมดฤทธิ์อาการกระตุกก็สามารถกลับมาเป็นได้ ฉะนั้นการรับประทานยาจึงจำเป็นต้องรับประทานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ฤทธิ์ในการคุมอาการกระตุกเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
    • ตัวอย่างชนิดยารับประทาน ได้แก่
      • ยาโคลนาซีแพม (clonazepam)
      • ยาคาร์บามาซีพีน (carbamazepine)
      • ยาบาโคลเฟน (baclofen)
  • การฉีดยาโบทูลินั่ม ท็อกซิน เข้าสู่กล้ามเนื้อที่มีอาการกระตุกเพื่อลดอาการกระตุก
    • ข้อดี : เป็นการฉีดยาโดยตรงเฉพาะจุดเข้าสู่กล้ามเนื้อที่มีอาการกระตุก ซึ่งจะไม่ส่งผลต่ออวัยวะในระบบอื่นๆของร่างกาย ประสิทธิภาพในการลดภาวะกล้ามเนื้อกระตุกสูงถึงร้อยละ 70-80
    • ข้อเสีย : อาจเกิดความเจ็บปวด ห้อเลือด เลือดออก หนังตาตก มุมปากตก หรือ การติดเชื้อบริเวณที่ทำการฉีดยา แต่อย่างไรก็ตามด้วยเทคนิคในการฉีดยาในปัจจุบัน โอกาสการเกิดผลข้างเคียงดังกล่าวพบได้น้อยมาก และ ผลข้างเคียงดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
    • ระยะเวลาในการรักษา: เนื่องจากยาโบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์ได้ครั้งละประมาณ 3-4 เดือน เพราะฉะนั้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องกลับมารับการฉีดยาต่อเนื่องทุก 3-4 เดือน เพื่อลดอาการกระตุกอย่างสม่ำเสมอ แต่อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยบางรายฤทธิ์ในการลดอาการกระตุกอาจอยู่ได้นานถึง 6 เดือน ฉะนั้นระยะห่างของการกลับมาฉีดยาซ้ำก็สามารถยืดระยะเวลาให้นานขึ้นได้
    • ตัวอย่างของยาโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด เอ ที่มีใช้ในปัจจุบัน ได้แก่
      • OnabotulinumtoxinA ชื่อการค้าคือ Botox®
      • AbobotulinumtoxinA ชื่อการค้าคือ Dysport®

 

  • การผ่าตัดเพื่อแยกวงของหลอดเลือดบริเวณก้านสมองออกจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
    • ข้อดี : ในรายที่ผู้ป่วยตรวจพบจากการฉายภาพรังสีว่ามีวงของหลอดเลือดกดเบียดเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ชัดเจน การผ่าตัดเพื่อแยกหลอดเลือดออกจากเส้นประสาทจะเป็นการรักษาที่ตรงจุดและลดอาการใบหน้ากระตุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ข้อเสีย: อาจเกิดความเจ็บปวด เลือดออก หรือ เกิดการติดเชื้อบริเวณที่ทำการผ่าตัด นอกจากนี้อาจพบภาวะใบหน้าเบี้ยวผิดรูป เดินเซ หรือ การได้ยินของหูข้างที่ทำการผ่าตัดลดลง อย่างไรก็ตามด้วยเทคนิคในการผ่าตัดในปัจจุบัน โอกาสการเกิดผลข้างเคียงดังกล่าวพบได้น้อยมาก
    • ระยะเวลาในการรักษา: โดยทั่วไปผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดเพียง 1 ครั้ง ก็เพียงพอในการควบคุมอาการกระตุกของใบหน้าในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยบางรายที่อาการกระตุกกลับมาเป็นซ้ำอาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดซ้ำ หรือเปลี่ยนวิธีการรักษาเป็นการฉีดยาโบทูลินั่ม ท็อกซิน

 

 

โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก เป็นภาวะที่ไม่รุนแรง แต่ใบหน้าเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดความรำคาญและสูญเสียความมั่นใจได้

 

 

 

นัดพบแพทย์คลิก

ผศ.นพ.ปรัชญา ศรีวานิชภูมิ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท

 

 

 

12/11/63