เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
‘‘RAM group vision’…เสริมทัพไอทีครั้งใหญ่นำ Digital Healthcare ดูแลรักษาผู้ป่วยแบบจำเพาะ&ผู้มีโรคประจำตัว สะดวก-รวดเร็วแบบ ‘เรียล-ไทม์’
เบี้องหลังความสำเร็จของ Smart Hospital คือ IT Infrastructure ที่มีเสถียรภาพ
งานด้าน ‘ไอที’ กับเรื่องของ ‘Healthcare’ ในโรงพยาบาลต่างก็เป็นงานที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ยิ่งไปกว่านั้นงานทั้งสองส่วนนี้นับวันจะยิ่งไม่สามารถแยกออกจากกันได้โดยสิ้นเชิง แทบจะทุกโรงพยาบาลทุกระดับทั้งภาครัฐและเอกชนต่างก็ปรับระบบการบริการทางการแพทย์นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการ จัดบริการที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ทันสมัย แม่นยำ เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกและรวดเร็ว
“โรงพยาบาลรามคำแหง” เป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศไทยที่ได้นำเอาเทคโนโลยีด้านไอทีเข้ามาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์มากกว่า 10 ปี โดยการนำระบบ IT Infrastructure เข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจและให้บริการในโรงพยาบาลรามคำแหงและโรงพยาบาลในเครือ เป็นการทำงานแบบองค์รวมโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลปรับเปลี่ยน ปรับปรุงองค์กรให้มีความพร้อมในโลกดิจิทัลมากขึ้น ภายใต้หัวใจหลักการทำงานขององค์กร “อบอุ่นและเชี่ยวชาญ”, WARM&SKILL ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดแบบมืออาชีพพร้อมนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยตรวจวินิจฉัยเสริมความเข้มแข็ง โดยมีบริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้ามาวางระบบต่างๆ ตั้งแต่ระบบ Data Center ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อเครือข่ายไปจนถึงการวางระบบปลายทางให้บุคลากรต่างๆ ในโรงพยาบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ซึ่งความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนี้จะกลายเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความสามารถในการวินิจฉัยโรคล่วงหน้าและผลการรักษาที่ดีขึ้น ไปจนถึงการบริการดูแลสุขภาพที่สะดวก และการจัดการโรคประจำตัวได้ด้วยตัวเอง
และล่าสุด...โรงพยาบาลรามคำแหงได้แถลงข่าวเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนผ่านระบบ Video Conference ให้เห็นและทราบถึงวิสัยทัศน์ ‘RAM group vision’ ในการนำโครงสร้างพื้นฐานไอทีด้านเฮลธ์แคร์ หรือ HIT; Healthcare IT Infrastructure ที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสูงสุดเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจและให้บริการในโรงพยาบาลรามคำแหงและโรงพยาบาลในเครือ นำโดย นพ.พิชญ สมบูรณสิน กรรมการบริหาร รพ.รามคำแหง พร้อมด้วยคุณชัยยุทธ ตันประทุมวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายไอที รพ.รามคำแหง และคุณนพดล ปัญญาธิปัตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ เทคโนโลยีส์ ร่วมกันแถลงในห้องประชุม
ทั้งนี้ ได้รับความกรุณาจาก นพ.สุธี ลีละเศรษฐกุล กรรมการบริหาร รพ.รามคำแหง ให้เกียรติร่วมฟังและให้ข้อมูลในฐานะผู้ใช้งานจริงด้านไอทีในการตรวจรักษาผู้ป่วย ซึ่งขณะนั้นคุณหมอสุธีนั่งอยู่ที่คลินิกไข้ ไอ เจ็บคอ (RAM IC OPD: Drive-in) ที่ตั้งอยู่บริเวณลานจอดรถภายในโรงพยาบาล
นพ.พิชญ ให้เหตุผลในการนำมาสู่การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ว่า “หลักๆ คำว่า Digital Transformation ถ้าในทางเฮลท์แคร์หรือการแพทย์เองเราถือว่ามันเป็นการเพิ่ม หรือขยายศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยของเรา ทั้งในเชิง ‘คุณภาพการดูแลรักษา’ แล้วก็ในเรื่องของ ‘ประสบการณ์’ ขอแบ่งเป็นสามเรื่องหลักๆ ด้วยกัน
เรื่องแรกก็เป็นคำที่เรียกว่าเป็น Efficiency แล้วก็ Physician หรือว่าที่ปัจจุบันเราจะเรียกว่าเป็น Physician Medicine คือเป็นการรักษาที่เพิ่มความแม่นยำ ความถูกต้อง แล้วก็เป็นความจำเพาะเจาะจงของบุคคลมากขึ้น เราลองนึกถึงอุตสาหกรรมในยุค 50-60 ปีที่ผ่านมาเราอยู่ในยุคที่เรียกว่าเป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เราผลิตของออกมา 1,000 ชิ้นเหมือนกันหมดคนก็ซื้อ แต่ในยุคนี้เป็นยุคที่เรียกว่าเป็น ‘Personalize’ คือลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน คนที่เป็นผู้จัดหาก็จะสรรหาบริการผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้ ซึ่งในทางการแพทย์ก็เหมือนกัน แต่ปัจจุบันเมื่อเรามี Digital Transformation ข้อมูลในตัวคนไข้มีมหาศาลเลยไม่ว่าจะมาจากการเก็บข้อมูลในเรื่องการตรวจรักษา เราเอาข้อมูลเหล่านั้นมาออกแบบการรักษาที่ดีที่สุดและจำเพาะกับตัวคนไข้ท่านนั้นที่สุด อันนี้ก็เป็นเรื่องของ Physician อย่างหนึ่งที่ทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ในยุคนี้นะครับ
ยุคที่สองเราจะเรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง Transformation Carry Varying เมื่อคนไข้ไม่สบาย แต่ก่อนหมออาจจะตัดสินใจแทนคนไข้ได้หมด แต่ในปัจจุบันเรามองคนไข้เป็นปัจเจกบุคคล เขามีอำนาจในการตัดสินใจในชีวิตและสุขภาพของเขา ดังนั้นเมื่อมี Digital Technology เข้ามาเราสามารถอธิบายความเป็นไปของโรคหรือการตรวจ แผนการรักษาให้คนไข้และญาติเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ก็จะทำให้เขารับรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการรักษาในครั้งนั้นได้ดีขึ้น
คุณหมอสามารถมายืนข้างๆ คนไข้ได้ เรามาร่วมกันรักษาเพื่อผ่านพ้นโรคนี้ไปได้ด้วยกันนะหมอจะช่วยเอง มันก็จะทำให้ข้อที่สามเกิดขึ้นคือในเรื่องของ ‘Experience’ หรือประสบการณ์ การเข้ารับบริการด้านสุขภาพของคนไข้เปลี่ยนไป สมัยก่อนเราก็จะมาด้วยความกลัว ความกังวล ความไม่รู้ ปัจจุบันข้อมูลเหล่านี้เข้ามาสู่ตัวคนไข้ไม่ว่าจะผ่านบุคลากรที่มีเครื่องมือเข้ามาช่วย ก็จะเป็นตัวช่วยทำให้ประสบการณ์ของคนไข้ดีขึ้นมากๆ ในการมารับบริการทางการแพทย์ครับ อันนั้นก็หมายถึงว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเราไม่ทำ Digital Transformation หรือที่เรียกว่าเป็น Healthcare Digitization”
นพ.สุธี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของการใช้งานจริงว่า “สมัยก่อนคนไข้แทบจะไม่เคยเห็นการตรวจแบบนี้เลย แต่ในปัจจุบันเราสามารถเอาแท็บเล็ตไปข้างเตียงคนไข้ได้เลย ให้คนไข้และญาติได้เห็นว่าผลการตรวจเค้าเป็นยังไง มีรอยตีบตรงไหนบ้างในหลอดเลือด หรือมีเลือดออกตรงไหนบ้างในสมองเขานะครับ ซึ่งก็สร้างความมั่นใจให้คนไข้มากขึ้น ผลการตรวจเป็นแบบนี้ การวางแผนการรักษาก็เป็นไปตามผลการตรวจที่ได้มา แพทย์ทุกคนในทีมสามารถที่จะเห็นการตรวจได้เหมือนกันหมดเลยในเวลาเดียวกันด้วยครับ ก็จะสามารถปรึกษาหารือกันได้ว่าการรักษาแบบไหนที่จะเป็นผลดีที่สุด เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้รายนี้”
นพ.พิชญ กล่าวต่อว่า แม้คนไข้ไม่อยู่ในโรงพยาบาลเราก็ตามไปดูแลเขาได้ อาจจะไม่ใช่การปรึกษาโดยตรงจากคุณหมอ แต่เป็นการที่ว่าเมื่อคนไข้มาโรงพยาบาลแล้วเขาจะได้รับข้อมูลการดูรักษา คำแนะนำ และเรื่องราวต่างๆ ติดตัวเขากลับไปด้วย อันนี้คือการที่เราใช้เทคโนโลยีในการดูแลซึ่งก็จะเป็นประโยชน์มากในช่วงที่เกิดวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นช่วงโรคระบาด ซึ่งคนไข้บางคนจำเป็นต้องเข้ามารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ หากเกิดวิกฤตในเรื่องการเดินทางอย่างน้อยเราก็ยังเชื่อมต่อกันได้อยู่ โรงพยาบาลก็ยังดูแลคนไข้ในส่วนนั้นได้ คนไข้หนึ่งคนอาจจะไม่ได้มีคุณหมอดูแลแค่ท่านเดียว อย่างเช่นที่อาจารย์สุธีมาดูคนไข้ข้างเตียง อาจารย์ก็พูดเลยว่าเรื่องนี้ต้องให้คุณหมอหัวใจช่วยดู ซึ่งคุณหมอท่านนั้นก็อาจจะไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลก็ได้ แต่คุณหมอก็สามารถอ่านผลตรงนั้นได้หรือที่บ้านได้ รวมถึงเมื่ออ่านเสร็จก็สามารถสื่อสารกับคุณหมอเจ้าของไข้ได้ในเรื่องของการวางแผนการรักษา คนไข้ก็ไม่ต้องมานั่งรอ จุดนี้คือสิ่งที่เราวางรากฐานแล้วก็พร้อมรับมือกับเรื่องต่างๆ ที่จะเข้ามาในอนาคตได้
“...โรงพยาบาลรามคำแหงเป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคที่ซับซ้อน ทำให้มีผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้สูงอายุเป็นผู้ป่วยประจำของเรามากมาย สิ่งที่จะเป็นทิศทางในแผนระยะยาวของเรา นอกจากการพัฒนาคุณภาพและเทคโนโลยีด้านการรักษาต่างๆ ให้ทันสมัยอยู่ตลอดแล้ว ยังจะมีการเชื่อมต่อข้อมูลคนไข้บางส่วนเพื่อให้สามารถเข้ารับบริการโรงพยาบาลในเครือได้อย่างสะดวกขึ้น เราจะเปลี่ยนภาพของโรงพยาบาลที่เป็นที่รักษาผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว ให้เป็นที่ที่จะส่งเสริมให้สุขภาพของผู้มารับบริการดีขึ้น จะเปลี่ยนจากคำว่า ‘Sick Care’ เป็น ‘Healthcare’”
ทางด้านกรรมการผู้จัดการเดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวเสริมว่า “เดลล์ อยู่ในตำแหน่งที่ช่วยเหลือลูกค้า เช่น โรงพยาบาลรามคำแหง ในการทรานส์ฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีสำหรับเฮลธ์แคร์ทั้งหมดได้ ตั้งแต่จุดที่ให้การดูแลผู้ป่วยไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์ กระทั่งระบบคลาวด์ ช่วยผู้ให้บริการด้านสุขภาพลดความซับซ้อนในการบริหาร และปฏิบัติการเพื่อปฏิวัติการดูแลผู้ป่วยได้แบบองค์รวม”
ด้วยผลของความพยายามในการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล โรงพยาบาลรามคำแหงสามารถทำงานและให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยการปฏิบัติการแบบ Always-On พร้อมความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็วบนโซลูชั่นของเดลล์ เทคโนโลยีส์ทั้งหมดให้ทันสมัยเพื่อให้การดูแลผู้ป่วยที่ดีมากยิ่งขึ้นแก่ผู้ป่วยทั้งในแบบ เรียล-ไทม์ และ การดูแลรักษาทางไกล แบบ 24/7 ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม และไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมิลเลนเนียล เจเนอเรชั่นเอกซ์ เจเนอเรชั่นวาย หรือเบบี้บูมเมอร์ คุณก็จะได้รับประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่สะดวก เป็นมาตรฐานเดียวกัน และการจัดการโรคประจำตัว และผลการรักษาที่ดีขึ้นแน่นอน
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th