เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
ออกกำลังกาย "แบบหมอราม"
เป็นอย่างไร?
การออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรามากเลยนะครับ ขนาดคุณหมอเองก็ยังออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง แล้วอยากรู้กันไหม? ครับว่า คุณหมอเค้าออกกำลังกายกันแบบไหน? มาดูกัน
Q: ปกติคุณหมอออกกำลังกายแบบไหนบ้าง/ออกวันละกี่ครั้ง/ครั้งละกี่นาที?
นพ.พิชญ : ออกกำลังกายแบบ bodyweight cross training ครั้งละ 30 นาที 4 ครั้งต่อสัปดาห์ และวิ่ง 5-10 km ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
นพ.ถนอมศักดิ์ : ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง, ว่ายน้ำ, แอโรบิค, โยคะ, เข้าฟิตเนสบ้าง ส่วนใหญ่ออกกำลังกายครั้งละ 40 นาที ออกเฉพาะช่วงเย็นๆ
นพ.ภูมิธร : ปกติผมออกกำลังกายโดยการวิ่งหรือแอรโรบิค เลือกเอาวันที่ตัวเองว่าง ส่วนใหญ่ก็อาทิตย์ละ2-3วัน ออกกำลังกาย วันละ 30-40 นาที ถ้าอาทิตย์นั้นไม่สามารถไปออกกำลังกายได้ก็จะใช้วิธีเล่น T25 แทนครับ
นพ.พรชัย : ปกติผมออกกำลังกายโดยการวิ่ง และเล่นเวท วิ่งอาทิตย์ละ 4 วันส่วนเวทอาทิตย์ละ 3 วัน เฉลี่ยวันละชั่วโมงถึงชั่วโมงครึ่ง ที่ออกกำลังกายเพื่อความฟิตเพื่อสุขภาพครับ |
นพ.บัลลังก์ : ปกติผมออกกำลังกายโดยการยกเวทอย่างเดียวครับ ทำเพื่อรักษาสุขภาพของร่างกายครับ
ออกอาทิตย์ละ3-4 วัน ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
นพ.กิตติศักดิ์ : ปกติผมออกกำลังกายเพื่อสุขภาพครับโดยใช้วิธีการวิ่งแข่งครับสนามละ 3-5 โล/สนาม 10 โล ทุกสัปดาห์ครับสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเลือกสนามที่ใกล้ๆ ที่เราสามารถลงทะเบียนหน้างานได้ วิ่งมาตั้งแต่อายุ 15 แล้วครับ
พญ.คิ ฤกษ์ชูชิต : ปกติจะออกกำลังกายโดยการ วิ่ง/ลู่วิ่ง/เวทเทรนนิ่ง/แอโรบิค ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ออกเพื่อควบคุมน้ำหนักค่ะ
พญ.ถิรทัย : ปกติออกกำลังกายด้วยการวิ่ง/ปั่นจักรยาน/โยคะ เล่นบ่อยสุดคือโยคะ (เพราะหมอมีคอร์ส) ตามด้วยปั่นจักรยานและวิ่ง หมอออกกำลังกายเพราะหมอชอบก็จะใช้เวลาในการออกกำลังกายประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งสำหรับโยคะ นอกนั้นประมาณครึ่งถึง 1 ชั่วโมง
พญ.สรรพจน์ : ออกกำลังกายโดยการปั่นจักรยาน อาทิตย์เว้นอาทิตย์ระยะเวลาในการปั่น ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
พญ.ศรีสุภา : ปกติออกกำลังกายโดยการวิ่งและว่ายน้ำสลับกัน สัปดาห์ละ3-4 วัน วันละ 50 นาทีออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
Q: ปกติใช้เครื่องมืออะไรในการวัด การทำงานของหัวใจขณะวิ่งไหมคะ
นพ.กิตติศักดิ์ : ผมใช้ความรู้สึกเอาครับ ถ้ารู้สึกว่าเหนื่อยก็จะหยุด ไม่มีเครื่องมืออะไร
Q: หลังการทดสอบความฟิตด้วยเครื่อง VO2 max แล้ว อาจารย์มีการวางแผนอย่างไรกับการออกกำลังกายในครั้งต่อไป?
นพ.พิชญ : หลังทราบค่า VO2 max แล้วจะไดัใช้เป็นค่าตั้งต้นในการพัฒนาการออกกำลัง และใช้เป็นตัวติดตามพัฒนาการของเราได้
นพ.ถนอมศักดิ์ : ผมออกกำลังกายเน้นเพื่อความแข็งแรง ของร่างกาย เป้าหมายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงต่อไป ปกติจากเดิมเคยวิ่ง 8 กม./ชั่วโมง ก็อาจจะเพิ่มเป็น 9 กม./ ชั่วโมง เพื่อร่างกายจะได้ฟิตขึ้นครับ
นพ.ภูมิธร : ที่ผมเลือกออกกำลังกายเพื่อให้หัวใจและปอดแข็งแรง ปกติการออกกำลังกายผมใช้ Heart Rate อยู่ที่ 130 และไม่เกิน 150 เพราะถ้าเกินผมจะมีความรู้สึกหัวใจเต้นแรงเกินไป กลัวร่างกายจะรับไม่ไหวและเห็นจากข่าวที่นักกีฬาไปวิ่งมาราธอนแล้วหมดสติอยู่เป็นประจำเลยทำให้กลัว
พอหลังการทดสอบด้วยเครื่องนี้ หมอที่ทำให้บอกว่าผมสามารถออกกำลังกายได้อีก ถือเป็นเรื่องที่ดีมากครับ เพราะในการออกกำลังกายทุกครั้งผมคิดว่าตัวเองวิ่งได้เท่านี้ ถ้าเกินจากนี้ผมว่าร่างกายรับไม่ไหว จริงๆ แล้วร่างกายผมสามารถวิ่งได้ Rate 160 ครับ ต่อไปก็จะพยายามทำให้ได้ตามนั้นครับ
นพ.พรชัย : ทำ VO2max เพราะมีโปรแกรมวิ่งมาราธอนในเดือนธันวาคม เลยมาตรวจเช็คสุขภาพ เช็คความฟิต เพื่อความปลอดภัยและวางแผนการออกกำลังกายครั้งต่อไป
นพ.บัลลังก์ : การทดสอบไม่ได้มีผลอะไรกับการออกกำลังกายในปัจจุบัน แต่ผมได้ตัวเลขจากการทดสอบนี้แล้วก็คาดว่าจะไปลองปั่นจักรยานดูบ้าง น่าจะดีกับร่างกายและสุขครับ
นพ.กิตติศักดิ์ : หลังการทดสอบประสิทธิภาพของร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติครับ ไม่ได้แย่และไม่ได้ฟิต ร่างกายเหมือนคนออกกำลังกายทั่วไป หลังจากนี้ก็จะวางแผนการซ้อมให้ถูกต้องมากขึ้น เพราะที่ผ่านมามีการวิ่งได้ดี สถิติดีระดับหนึ่ง แต่คิดว่ายังไม่มีประสิทธิภาพมากพอเท่าที่ควรครับ
พญ.คิ : ทดสอบด้วยเครื่องนี้ก็จะได้ทราบความฟิต ทราบค่า (fat burn zone) ช่วงที่ร่างกายของคุณมีการเผาผลาญ พลังงานจากไขมันเป็นหลัก ดูมีเป้าหมายและประสิทธิภาพในการออกกำลังกายมากขึ้น
พ.ญ.ถิรทัย : หลังจากการทำ ก็จะมีแผนค่อยๆ ปรับการออกกำลังกายในครั้งต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ทราบค่าอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกาย ซึ่งปกติไม่โฟกัสที่จุดนี้ค่ะ
พ.ญ.สรรพจน์ : หลังจากทดสอบ VO2 max หมอมีเป้าหมายการออกกำลังกายในครั้งต่อไปคือ เพิ่มความฟิตและอยากจะ burn fat เลยคิดว่าต้องเพิ่มความถี่ในการออกกำลังกายและจะเพิ่มกิจกรรมอีกอย่างนึง คือว่ายน้ำ
พญ.ศรีสุภา : หลังทดสอบเครื่อง VO2 max เป้าหมายก็คิดว่าน่าจะทำรอบหรือระยะเวลาการวิ่งให้เร็วขึ้นจากเดิมค่ะ
ออกกำลังกายแคไหนถึงจะเหมาะสมและปลอดภัย วาแผนซ้อมอย่างไรให้ฟิต Vo2 Max มีคำตอบ
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th