เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
การตรวจหาเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) เป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ตั้งแต่ไม่มีอาการ ซึ่งเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิง การตรวจนี้จะช่วยให้คุณทราบถึงความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตั้งแต่ไม่มีอาการ ระยะเริ่มแรก จนถึงก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูกทำให้สามารถรักษาได้ทันท่วงที ในวันนี้ทางโรงพยาบาลรามคำแหงจึงจะมาไขข้อสงสัย และอธิบายรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับตรวจ การวางแผนการดูแลรักษา HPV ให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจ เพราะเรื่องนี้สามารถรับรู้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรักษา วิธีสังเกตอาการหากได้รับเชื้อ HPV รวมไปจนถึงสถานที่ ๆ ปลอดภัยในการฉีด HPV
เชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่มีเพียง 40 สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์ สามารถติดเชื้อจากการสัมผัสโดยตรง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ทั้งจากบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ช่องปากและลำคอ และที่สำคัญ.. มักไม่แสดงอาการ ทั้งยังใช้เวลา 10-20 ปีสามารถพัฒนากลายเป็นมะเร็งได้ด้วย โดยสายพันธุ์สำคัญที่พบโดยทั่วไป ได้แก่
การติดเชื้อมักเกิดจากการสัมผัสโดยตรง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ ทั้งเพศชายและหญิงสามารถติดเชื้อได้บริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ช่องปาก และลำคอ โดยทั่วไปผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการ แต่เชื้ออาจใช้เวลานาน 10-20 ปีในการพัฒนาเป็นมะเร็ง
เนื่องจากผู้ติดเชื้อมักไม่รู้ตัว ทำให้สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว เชื้อ HPV จึงเป็นภัยเงียบที่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาเชื้อ HPV แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งในประเทศไทยมีให้เลือก 3 ชนิด
การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการติดเชื้อและลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งจากเชื้อ HPV ร่วมกับการปรับพฤติกรรมทางเพศสัมพันธ์
โรคที่มีโอกาสเกิดหลังจากติดเชื้อ HPV เชื้อ HPV เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น
เชื้อไวรัส HPV ชนิดสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง เช่น 16, 18 เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก พบได้ในเกือบทุกกรณีของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก (99.7%) โดยเชื้อนี้ติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์ สายพันธุ์ในกลุ่มความเสี่ยงสูงอาจนำไปสู่มะเร็งปากมดลูก ส่วนสายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำทำให้เกิดหูดหงอนไก่
มะเร็งช่องคลอดเป็นมะเร็งที่พบได้น้อย ซึ่งมักเริ่มจากเซลล์ภายในช่องคลอด ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่
เนื่องจากโรคนี้เกี่ยวข้องกับ HPV การฉีดวัคซีนและป้องกันตนเองในขณะมีเพศสัมพันธ์จึงช่วยลดความเสี่ยงได้
มะเร็งทวารหนักมักมีอาการคล้ายริดสีดวง เช่น ขับถ่ายผิดปกติ อุจจาระเล็กลง หรือมีสารคัดหลั่งจากทวารหนัก สาเหตุหลักคือการติดเชื้อ HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งติดต่อผ่านการสัมผัสหรือเพศสัมพันธ์ ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่
การรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค ความรุนแรง และสุขภาพผู้ป่วย
มะเร็งในช่องปากและลำคอ เป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นจากเซลล์ผิดปกติในบริเวณช่องปากและลำคอ เติบโตและแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ อาการหลัก ๆ จะมีแผลในช่องปาก พบก้อนเนื้อในปาก เสียงเปลี่ยน มีปัญหาในการกลืน และรู้สึกเจ็บ หรือชาในปาก มีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่
หูดหงอนไก่ (Genital warts) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ (low risk) เช่น 6 ,11ที่ทำให้เกิดหูดหรือติ่งเนื้อขรุขระบริเวณอวัยวะเพศ ขาหนีบ หรือทวารหนัก อาจมีอาการคัน แสบร้อน หรือมีตกขาว เชื้อนี้เจริญเติบโตได้ดีในที่อับชื้น แม้รักษาได้ แต่เชื้อ HPV จะยังคงอยู่ในร่างกาย การป้องกันทำได้โดยการฉีดวัคซีน HPV
หูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ 6 และ 11 ผ่านการสัมผัสโดยตรง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ หรือจากแม่สู่ลูกขณะคลอด เชื้อทำให้เกิดรอยโรคบนผิวหนังหรือเยื่อบุผิวบริเวณอวัยวะเพศ แม้สายพันธุ์ที่ก่อหูดหงอนไก่ไม่ทำให้เกิดมะเร็ง แต่หากติดเชื้อร่วมกับสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง อาจนำไปสู่มะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งทวารหนักได้
หูดหงอนไก่สามารถติดต่อได้ผ่านหลายช่องทาง โดยส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก รวมถึงการสัมผัสกับบริเวณที่ติดเชื้อ HPV การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน และการทำออรัลเซ็กส์ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน มีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากขึ้น นอกจากนี้ หูดหงอนไก่ยังสามารถส่งต่อจากแม่สู่ลูกในระหว่างการคลอดได้เช่นกัน
ใครที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV ต้องเข้าใจก่อนว่า เชื้อ HPV เป็นไวรัสที่แพร่กระจายผ่านทางเพศสัมพันธ์ และแม้จะมีคู่นอนเพียงคนเดียวก็ยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ ดังนั้น กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV มากเป็นพิเศษ ได้แก่
ปัจจัยอื่นที่เพิ่มความเสี่ยง
วิธีป้องกันการติดเชื้อ HPV จริงแล้ว ๆ เชื้อ HPV เป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพการแต่ก็สามารถป้องกันได้ ซึ่งวิธีป้องกันที่ดีที่สุด มีดังนี้
วัคซีน HPV เป็นเหมือนเกราะป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อฉีดตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี
มั่นใจในความปลอดภัยกับการฉีดวัคซีน HPV ที่โรงพยาบาลรามคำแหง โรงพยาบาลที่มีมาตรฐานระดับสากล บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ และวัคซีนที่ได้รับการรับรอง ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ได้ถึง 90% แม้จะมีอาการไม่พึงประสงค์บ้าง แต่ก็หายได้เองภายใน 1-2 วัน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือสนใจตรวจสุขภาพสามารถปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลได้โดยตรง
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th