เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรคไตเรื้อรังเป็นเหมือน "ภัยเงียบ" ที่ค่อย ๆ ทำลายสุขภาพของคุณ โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว จนกระทั่งอาการรุนแรงถึงขั้นต้องฟอกไต การสูญเสียสุขภาพไตไป อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับผู้อื่น ในปัจจุบันวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลง มีการดูแลตัวเองน้อยลง ทำให้ค่าเฉลี่ยการเกิดโรคไตเกิดกับวัยรุ่นมากขึ้น หากคุณเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพไตหมอเฉพาะทางโรคไต จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่เสี่ยงเป็นโรคไตมากขึ้น พร้อมทั้งแนะนำวิธีดูแลสุขภาพไตเบื้องต้น เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืน
ชีวิตที่เร่งรีบของคนวัยทำงาน ทำให้หลายคนละเลยดูแลสุขภาพ และกำลังเผชิญกับภัยเงียบอย่าง "โรคไต" ที่ค่อย ๆ กัดกินสุขภาพโดยไม่รู้ตัว การดื่มกาแฟเย็นแก้วโปรดทุกวัน หรือการทานอาหารจานด่วนหลังเลิกงาน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไตทำงานหนักเกินไปและเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คิด รู้หรือไม่ว่า โรคไตเรื้อรังกำลังแพร่ระบาดในกลุ่มคนวัยทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ และสาเหตุส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม โรคไตเหมือนกับเครื่องกรองของเสียในร่างกาย เมื่อเครื่องกรองเสียหาย ของเสียก็จะสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยสามารถแบ่งปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ออกเป็น 5 ด้านหลัก ดังนี้
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าอาหารที่ทำลายไตคืออาหารรสเค็มจัดเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว อาหารที่มีโซเดียมสูงนั้นซ่อนตัวอยู่ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก หรือแม้แต่ในอาหารแปรรูปอย่างแฮม เบคอน และอาหารกระป๋องต่าง ๆ การบริโภคอาหารเหล่านี้เป็นประจำจะส่งผลให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นในการขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย
นอกจากอาหารการกินแล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันก็มีส่วนสำคัญในการทำลายสุขภาพไต การขาดการออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้ร่างกายขาดความแข็งแรงและเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อการทำงานของไต นอกจากนี้ การดื่มน้ำน้อยเกินไปก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยง เนื่องจากไตต้องการน้ำในการช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย หากร่างกายขาดน้ำ ไตจะทำงานหนักขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตได้
โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่นำไปสู่โรคไตเรื้อรัง น้ำตาลในเลือดที่สูงและความดันโลหิตที่สูงเกินไป จะทำลายหลอดเลือดฝอยในไต ทำให้ไตกรองของเสียได้ไม่ดี และในที่สุดก็จะนำไปสู่ภาวะไตวาย
ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต บางคนอาจมีกรรมพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคไตตั้งแต่กำเนิด เช่น โรคถุงน้ำในไต ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดถุงน้ำขนาดเล็กในไต ทำให้ไตทำงานผิดปกติ
หากรู้สึกบวม โดยเฉพาะบริเวณขาและเท้า มีอาการเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ ปวดหลัง หรือปัสสาวะผิดปกติ เช่น มีเลือดปน หรือปัสสาวะเป็นฟองบ่อยขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าไตกำลังทำงานผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพไตโดยทันที
การดูแลสุขภาพไตเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไตเปรียบเสมือนเครื่องฟอกเลือด การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย จะช่วยให้มีไตที่แข็งแรง อย่าละเลยสัญญาณเตือนจากร่างกาย เพราะการตรวจพบโรคไตในระยะเริ่มต้นจะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โรคไต เป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ ทำลายสุขภาพของคุณ หากปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้มากมาย โรคไตแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก คือ
ไตวายเฉียบพลัน เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน อาจเกิดจากการติดเชื้อ การแพ้ยา หรือภาวะขาดน้ำรุนแรง หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ไตอาจกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจวาย ภาวะเลือดเป็นกรด และอาจนำไปสู่ไตวายเรื้อรังได้
ภาวะแทรกซ้อนไม่รุนแรง เช่น ภาวะฟอตเฟสในเลือดสูง, ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ, ภาวะแมกนีเซียมในเลือดสูง หรือภาวะซีดเนื่องจากขาดฮอร์โมนอีริโทรพอยเอทิน ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เนื่องจากไตไม่สามารถขับน้ำได้ ทำให้เกิดการคั่งของน้ำในกระแสเลือด ซึ่งส่งผลให้ความดันโลหิตสูงและอาจเกิดภาวะหัวใจวายตามมาได้, ภาวะเลือดเป็นกรดที่ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นได้เช่นกัน ภาวะแทรกซ้อนทางสมอง ทำให้เกิดอาการชัก หมดสติ, ภาวะติดเชื้อง่ายและรุนแรงเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันต่ำ หรือไตถูกทำลายถาวรจากการรักษาล่าช้าและอาจกลายเป็นไตวายเรื้อรังในที่สุด
ไตวายเรื้อรัง เกิดจากการที่ไตถูกทำลายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไตอักเสบเรื้อรัง ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ได้แก่ ภาวะโลหิตจาง กระดูกพรุน คัน และภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท
แนวทางป้องกันการเกิดโรคไต ที่หมอเฉพาะทางโรคไตแนะนำ และสามารถทำได้ทุกวัย
โรคไตสามารถรักษาได้หลายวิธี โดยแบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลัก
◦ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) : นำเลือดออกจากร่างกายผ่านเครื่องไตเทียมเพื่อขจัดของเสียและน้ำส่วนเกิน แล้วนำเลือดที่ฟอกแล้วกลับเข้าสู่ร่างกาย
◦ การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis) : ใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปในช่องท้องเพื่อขจัดของเสีย โดยใช้เยื่อบุช่องท้องเป็นตัวกรอง หลังจากนั้นเปลี่ยนน้ำยาล้างไตเป็นถุงใหม่
◦ การปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation ) : รับการผ่าตัดเปลี่ยนไตจากผู้บริจาค ผู้รับไตต้องรับประทานยากดภูมิต้านทานอย่างสม่ำเสมอ
◦ สีผิวดำคล้ำน้อยกว่า เนื่องจากการขจัดของเสียมีประสิทธิภาพมากขึ้น
◦ ช่วยให้นอนหลับดีขึ้นและมีความอยากอาหารมากขึ้น
◦ ลดปัญหาภาวะซีดหรือโลหิตจาง
◦ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
◦ ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ ทำให้มีอายุยืนยาวขึ้น
การดูแลสุขภาพไตเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกอาหารที่มีโซเดียมต่ำ หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีเกลือสูง รวมถึงการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพออย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้หมอเฉพาะทางโรคไตยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมยังมีส่วนสำคัญในการป้องกันโรคไต การหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ส่งผลกระทบต่อไตโดยไม่จำเป็นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้ หากเรารู้จักใส่ใจและป้องกันตั้งแต่วันนี้ ก็จะช่วยให้ไตของเราทำงานได้ดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงไปอีกยาวนาน
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th