คนรุ่นใหม่เสี่ยงเป็นไตมากขึ้นจริงไหม หมอเฉพาะทางโรคไตมีคำตอบ

September 18 / 2024

ไตวายเรื้อรัง

 

โรคไตเรื้อรังเป็นเหมือน "ภัยเงียบ" ที่ค่อย ๆ ทำลายสุขภาพของคุณ โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว จนกระทั่งอาการรุนแรงถึงขั้นต้องฟอกไต การสูญเสียสุขภาพไตไป อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับผู้อื่น ในปัจจุบันวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลง มีการดูแลตัวเองน้อยลง ทำให้ค่าเฉลี่ยการเกิดโรคไตเกิดกับวัยรุ่นมากขึ้น หากคุณเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพไตหมอเฉพาะทางโรคไต จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่เสี่ยงเป็นโรคไตมากขึ้น พร้อมทั้งแนะนำวิธีดูแลสุขภาพไตเบื้องต้น เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืน

เหตุผลที่คนรุ่นใหม่เสี่ยงเป็นโรคไตมากขึ้น

ชีวิตที่เร่งรีบของคนวัยทำงาน ทำให้หลายคนละเลยดูแลสุขภาพ และกำลังเผชิญกับภัยเงียบอย่าง "โรคไต" ที่ค่อย ๆ กัดกินสุขภาพโดยไม่รู้ตัว การดื่มกาแฟเย็นแก้วโปรดทุกวัน หรือการทานอาหารจานด่วนหลังเลิกงาน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไตทำงานหนักเกินไปและเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คิด รู้หรือไม่ว่า โรคไตเรื้อรังกำลังแพร่ระบาดในกลุ่มคนวัยทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ และสาเหตุส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม โรคไตเหมือนกับเครื่องกรองของเสียในร่างกาย เมื่อเครื่องกรองเสียหาย ของเสียก็จะสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยสามารถแบ่งปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ออกเป็น 5 ด้านหลัก ดังนี้

1.อาหารการกินที่ส่งผลต่อสุขภาพไต

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าอาหารที่ทำลายไตคืออาหารรสเค็มจัดเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว อาหารที่มีโซเดียมสูงนั้นซ่อนตัวอยู่ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก หรือแม้แต่ในอาหารแปรรูปอย่างแฮม เบคอน และอาหารกระป๋องต่าง ๆ การบริโภคอาหารเหล่านี้เป็นประจำจะส่งผลให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นในการขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย

2.พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลต่อสุขภาพไต

นอกจากอาหารการกินแล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันก็มีส่วนสำคัญในการทำลายสุขภาพไต การขาดการออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้ร่างกายขาดความแข็งแรงและเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อการทำงานของไต นอกจากนี้ การดื่มน้ำน้อยเกินไปก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยง เนื่องจากไตต้องการน้ำในการช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย หากร่างกายขาดน้ำ ไตจะทำงานหนักขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตได้

3. โรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไต

โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่นำไปสู่โรคไตเรื้อรัง น้ำตาลในเลือดที่สูงและความดันโลหิตที่สูงเกินไป จะทำลายหลอดเลือดฝอยในไต ทำให้ไตกรองของเสียได้ไม่ดี และในที่สุดก็จะนำไปสู่ภาวะไตวาย

4.พันธุกรรมมีผลต่อโรคไต

ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต บางคนอาจมีกรรมพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคไตตั้งแต่กำเนิด เช่น โรคถุงน้ำในไต ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดถุงน้ำขนาดเล็กในไต ทำให้ไตทำงานผิดปกติ

5. สัญญาณเตือนและการป้องกันโรคไต

หากรู้สึกบวม โดยเฉพาะบริเวณขาและเท้า มีอาการเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ ปวดหลัง หรือปัสสาวะผิดปกติ เช่น มีเลือดปน หรือปัสสาวะเป็นฟองบ่อยขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าไตกำลังทำงานผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพไตโดยทันที

การดูแลสุขภาพไตเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไตเปรียบเสมือนเครื่องฟอกเลือด การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย จะช่วยให้มีไตที่แข็งแรง อย่าละเลยสัญญาณเตือนจากร่างกาย เพราะการตรวจพบโรคไตในระยะเริ่มต้นจะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ผลกระทบโรคไต

 

 

ผลกระทบหลังจากการเกิดโรคไต

 

โรคไต เป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ ทำลายสุขภาพของคุณ หากปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้มากมาย โรคไตแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก คือ

ไตวายเฉียบพลัน

ไตวายเฉียบพลัน เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน อาจเกิดจากการติดเชื้อ การแพ้ยา หรือภาวะขาดน้ำรุนแรง หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ไตอาจกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจวาย ภาวะเลือดเป็นกรด และอาจนำไปสู่ไตวายเรื้อรังได้

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วย “ไตวายเฉียบพลัน”

  • ภาวะแทรกซ้อนไม่รุนแรง

ภาวะแทรกซ้อนไม่รุนแรง เช่น ภาวะฟอตเฟสในเลือดสูง, ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ, ภาวะแมกนีเซียมในเลือดสูง หรือภาวะซีดเนื่องจากขาดฮอร์โมนอีริโทรพอยเอทิน ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงได้ไม่ดีเท่าที่ควร

  • ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เนื่องจากไตไม่สามารถขับน้ำได้ ทำให้เกิดการคั่งของน้ำในกระแสเลือด ซึ่งส่งผลให้ความดันโลหิตสูงและอาจเกิดภาวะหัวใจวายตามมาได้, ภาวะเลือดเป็นกรดที่ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นได้เช่นกัน ภาวะแทรกซ้อนทางสมอง ทำให้เกิดอาการชัก หมดสติ, ภาวะติดเชื้อง่ายและรุนแรงเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันต่ำ หรือไตถูกทำลายถาวรจากการรักษาล่าช้าและอาจกลายเป็นไตวายเรื้อรังในที่สุด

ไตวายเรื้อรัง

ไตวายเรื้อรัง เกิดจากการที่ไตถูกทำลายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไตอักเสบเรื้อรัง ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ได้แก่ ภาวะโลหิตจาง กระดูกพรุน คัน และภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท

แนวทางป้องกันการเกิดโรคไต ที่ทำได้ทุกวัย

แนวทางป้องกันการเกิดโรคไต ที่หมอเฉพาะทางโรคไตแนะนำ และสามารถทำได้ทุกวัย

 

  • ตรวจสุขภาพประจำปี : โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
  • รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ : เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ : อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 30-40 นาที
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ : ประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน
  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : สารเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของไต
  • ไม่กลั้นปัสสาวะ : การกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ อาจนำไปสู่การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
  • หลีกเลี่ยงยาที่เป็นอันตรายต่อไต : รวมถึงอาหารเสริมและยาสมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน

 

 

โรคไต รักษา

 

 

วิธีการรักษาโรคไต มีกี่วิธี แต่ละวิธีทำยังไงบ้าง

โรคไตสามารถรักษาได้หลายวิธี โดยแบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลัก

การรักษาเพื่อชะลอการเสื่อมของไต

  • ควบคุมโรคประจำตัว : เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง
  • ควบคุมอาหาร : รับประทานโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมและพลังงานเพียงพอ
  • รักษาด้วยยา : ใช้ยาลดการดูดซึมฟอสเฟต ยาขับปัสสาวะ ยารักษาภาวะโลหิตจาง ยาลดความดันโลหิต ยาลดไขมันในเลือด และยาปรับสมดุลกรด-ด่าง
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม : ลดน้ำหนัก งดสูบบุหรี่ ออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงยาที่ส่งผลเสียต่อไต
  • การรักษาด้วยวิธีบำบัดทดแทนไต (Renal Replacement Therapy)

◦ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) : นำเลือดออกจากร่างกายผ่านเครื่องไตเทียมเพื่อขจัดของเสียและน้ำส่วนเกิน แล้วนำเลือดที่ฟอกแล้วกลับเข้าสู่ร่างกาย

◦ การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis) : ใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปในช่องท้องเพื่อขจัดของเสีย โดยใช้เยื่อบุช่องท้องเป็นตัวกรอง หลังจากนั้นเปลี่ยนน้ำยาล้างไตเป็นถุงใหม่

◦ การปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation ) : รับการผ่าตัดเปลี่ยนไตจากผู้บริจาค ผู้รับไตต้องรับประทานยากดภูมิต้านทานอย่างสม่ำเสมอ

การฟอกไตแบบ Conventional Hemodialysis และ Hemodiafiltration

Conventional Hemodialysis

  • เป็นการฟอกเลือดที่นำเลือดออกทางเส้นเลือดที่แขนหรือคอ ผ่านเข้าเครื่องไตเทียมเพื่อขจัดของเสียและน้ำส่วนเกิน จากนั้นนำเลือดที่ฟอกแล้วกลับเข้าสู่ร่างกาย
  • ข้อดี : มีประสิทธิภาพในการขจัดของเสีย
  • ข้อจำกัด : ไม่สามารถนำของเสียออกจากร่างกายได้ทั้งหมด ทำให้เกิดการตกค้าง ซึ่งอาจกระตุ้นให้เม็ดสีทำให้ผิวดำคล้ำขึ้นเรื่อย ๆ และยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้

Hemodiafiltration

  • เป็นการฟอกเลือดแบบพัฒนาที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Conventional Hemodialysis โดยสามารถขจัดของเสียในโมเลกุลที่ใหญ่ขึ้นได้ดีขึ้น
  • ข้อดี

◦ สีผิวดำคล้ำน้อยกว่า เนื่องจากการขจัดของเสียมีประสิทธิภาพมากขึ้น

◦ ช่วยให้นอนหลับดีขึ้นและมีความอยากอาหารมากขึ้น

◦ ลดปัญหาภาวะซีดหรือโลหิตจาง

◦ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

◦ ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ ทำให้มีอายุยืนยาวขึ้น

 

หมอเฉพาะทางโรคไต

 

 

สุขภาพต้องรักษา และใส่ใจ ป้องกันไม่ให้เกิดโรคไตดีที่สุด

 

การดูแลสุขภาพไตเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกอาหารที่มีโซเดียมต่ำ หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีเกลือสูง รวมถึงการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพออย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้หมอเฉพาะทางโรคไตยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมยังมีส่วนสำคัญในการป้องกันโรคไต การหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ส่งผลกระทบต่อไตโดยไม่จำเป็นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้ หากเรารู้จักใส่ใจและป้องกันตั้งแต่วันนี้ ก็จะช่วยให้ไตของเราทำงานได้ดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงไปอีกยาวนาน