6 สัญญาณ... ที่บอกว่าคุณกำลังขาด “Work-life Balance”

July 15 / 2024

 

 

การใช้ชีวิตที่สมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว (Work-life Balance) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเรา การทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน หรือละเลยชีวิตส่วนตัว อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ด้วย

 

 

 

สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลังขาด Work-life balance

 

  • ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานจนลืมดูแลตัวเอง เช่น ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลาผ่อนคลายหรือทำกิจกรรมที่ชอบ ไม่มีเวลาไปเที่ยวแม้กระทั่งในวันหยุด ทานอาหารจานด่วนหรือฟาสต์ฟู้ดบ่อย ที่แย่กว่านั้นคือลืมทานอาหาร
  • งานล้นมือ มีงานค้างอยู่มาก และมีงานใหม่เข้ามาอยู่เสมอ มีงานสำคัญหรืองานด่วนบ่อยๆ จัดการเวลาไม่ลงตัว จนรู้สึกเครียดกับงาน
  • อารมณ์แปรปรวน เมื่อมีความเครียดสะสมจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพจิต ทำให้หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย และอาจมีความวิตกกังวลร่วมด้วยจนอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า
  • เบื่องาน หมดแรงบันดาลใจในการทำงาน อาจเกิดจากการทำงานหนักเกินไป และพักผ่อนไม่เพียงพอ ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงรู้สึกเหนื่อยกับงาน ถ้าปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะหมดไฟ Burnout Syndromes
  • คิดว่าตัวเองไม่เก่งพอ กังวลว่าจะทำงานไม่ดีพอ คิดว่าตัวเองไม่เก่ง หมกมุ่นอยู่กับงานมากเกินไป
  •  รู้สึกโดดเดี่ยว การใช้เวลากับงานมากเกินไป จนไม่มีเวลาคุยกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
    การไม่ได้คุยกับใครเป็นเวลานาน อาจทำให้รู้สึกเหงาโดดเดี่ยวและกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ 

 

 

 

หากคุณมีสัญญาณเหล่านี้ แสดงว่าคุณกำลังขาด Work-life balance ควรลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังนี้

 

  1. จัดสรรเวลาให้เหมาะสม แบ่งเวลาทำงานและชีวิตส่วนตัวอย่างชัดเจน เมื่ออยู่ที่ทำงาน ควรตั้งใจและทุ่มเทกับการทำงานอย่างเต็มที่ แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ควรปล่อยวางเรื่องงานและให้เวลากับตัวเองได้พักผ่อนเต็มที่
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ไม่ควรนำงานกลับมาทำที่บ้าน ปิดโทรศัพท์มือถือและพักผ่อนให้เพียงพอ ทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อผ่อนคลายความเครียด
  3. จัดลำดับความสำคัญของงาน เรียงลำดับว่างานไหนต้องส่งก่อนและควรทำให้เสร็จในลำดับต้น ๆ งานไหนสำคัญรองลงมา การลำดับความสำคัญของงานจะช่วยลดงานค้างสะสมและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
  4. ดูแลใส่ใจตัวเองให้มากขึ้น ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ กำหนดเวลาเข้านอนเพื่อให้มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ ทำงานอดิเรกที่ชอบ หรือทำสิ่งที่ตัวเองมีความสุขเพื่อผ่อนคลายความเครียด ทำให้ร่างกายและจิตใจพร้อมสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิต
  5. กำหนดวันพักผ่อนให้ชัดเจน ใช้เวลากับคนรอบตัวให้มากขึ้น แบ่งเวลาให้กับครอบครัวและเพื่อนฝูง การพูดคุยหรือทำกิจกรรมร่วมกันจะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ และช่วยบรรเทาความเครียดหรือความทุกข์ที่เกิดขึ้นได้
  6. เรียนรู้ที่จะปฏิเสธและกล้าขอความช่วยเหลือ ในโลกของการทำงาน จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกัน หากมีงานค้างมากเกินไปจนไม่สามารถทำทัน การขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานไม่ใช่เรื่องผิด และหากถูกขอให้ช่วยงานแต่ไม่สะดวก ก็สามารถปฏิเสธได้เช่นกัน

 

 

 

Work-life balance เป็นสิ่งสำคัญ เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่การทำงาน ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่เราต้องให้ความสำคัญ ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีของตัวคุณเอง​​​​​​