เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ‘ไต’ ไม่ได้มีหน้าที่แค่เพียงขับของเสียออกจากร่างกาย แต่ไตยังมีหน้าที่ในการปรับสมดุลเกลือแร่ และควบคุมการทำงานของฮอร์โมนต่าง ๆ เมื่อไตเกิดความผิดปกติ ก็มักส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายเกือบทุกส่วน ดังนั้น การดูแลไตให้มีสุขภาพแข็งแรง จึงมีความสำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ และหมอเฉพาะทางโรคไต เคยบอกว่า เราทุกคนสามารถเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการศึกษาและทำความเข้าใจถึงแนวทางการเกิดโรคไต รวมถึงการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เพียงเท่านี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เรามีสุขภาพไตที่ดี และยืดอายุอวัยวะส่วนนี้ให้สมบูรณ์อยู่กับเราไปนาน ๆ
ทำความรู้จักกับ ‘โรคไต’ โดยปกติ ไตจะทำหน้าที่กำจัดของเสียและสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย รวมไปถึงดูแลการหลั่งฮอร์โมน ควบคุมน้ำและแร่ธาตุในร่างกายให้สมดุล แต่เมื่อการทำงานของไตเกิดความผิดปกติ เกิดความเสียหาย หรือทำงานได้น้อยลง ก็ย่อมส่งผลให้ของเสียตกค้างอยู่ในร่างกาย จนก่อให้เกิดโรคไต ภาวะไตเสื่อม และหากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ก็อาจก่อให้เกิดภาวะไตวายได้ ซึ่งโรคไตแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
ภาวะไตวายเฉียบพลัน คือ ภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยจะมีอาการในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายในช่วงระยะเวลาวันหรือสัปดาห์ และมีอาการรุนแรงกว่าภาวะไตวายเรื้อรัง ในเบื้องต้น สามารถสังเกตอาการผิดปกติของผู้ป่วยได้จากอาการตัวบวม ความดันโลหิตสูง ปัสสาวะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ เมื่อตรวจปัสสาวะมักพบเม็ดเลือดแดงหรือโปรตีนปนออกมาด้วย
โดยส่วนใหญ่ อาการไตวายเฉียบพลันมักเกิดจากสาเหตุที่หลากหลาย อาทิ การได้รับสารพิษ ผลข้างเคียงจากยา การรับประทานยาเกินขนาด หรือภาวะแทรกซ้อนจากโรคประจำตัวต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าภาวะไตวายเฉียบพลันจะมีอันตรายถึงชีวิต แต่หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็สามารถมีโอกาสที่ไตจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้
ภาวะไตวายเรื้อรัง คือ ภาวะที่ไตเริ่มสูญเสียความสามารถในการทำงานทีละน้อยอย่างต่อเนื่องโดยใช้ระยะเวลาหลายปี สาเหตุส่วนใหญ่มักเป็นผลมาจากโรคเรื้อรังต่าง ๆ อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน รวมถึงภาวะอื่น ๆ เช่น ไตอักเสบ หรือโรคถุงน้ำในไต
โดยส่วนใหญ่ ผู้ป่วยภาวะไตวายเฉียบพลันมักไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาให้เห็นในระยะแรก แต่จะสามารถสังเกตพบความผิดปกติจากการตรวจปัสสาวะแล้วพบว่ามีเม็ดเลือดแดงและโปรตีนปนออกมาด้วย ในระยะต่อมา จะค่อย ๆ แสดงความผิดปกติที่พบบ่อย ได้แก่ น้ำหนักลด บวม โลหิตจาง ระบบประสาทผิดปกติ ซึ่งอาการเหล่านี้จะเพิ่มความรุนแรงและสามารถสังเกตอาการได้ชัดเจนขึ้นเมื่อการทำงานของไตลดลงเหลือเพียงร้อยละ 25
5 กลุ่มเสี่ยงไม่ควรเลี่ยงตรวจสุขภาพไต โรคไตไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ที่ชอบรับประทานอาหารรสเค็มจัด หวานจัด เผ็ดจัด อย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ แต่ยังสามารถเกิดขึ้นในกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวต่าง ๆ ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) และโรคนิ่ว
ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคไต รวมถึงโรคถุงน้ำในไต และโรคนิ่วในไต ซึ่งเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
ผู้ที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคไตมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 4 เท่า รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะไตวายสูงถึงร้อยละ 60
ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ การรับประทานยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐานเป็นประจำสามารถกระตุ้นให้การทำงานของไตเกิดความผิดปกติได้โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง
ผู้ที่ดื่มน้ำน้อยหรือมากเกินไป เนื่องจากไตต้องใช้น้ำในการฟอกของเสียในร่างกายออกมาเป็นปัสสาวะ หากร่างกายขาดน้ำ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตและระบบทางเดินปัสสาวะ
9 สัญญาณอันตรายของผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยโรคไตส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการให้เห็นในระยะเริ่มแรก แต่เมื่อไตได้รับความเสียหายไปมากระดับหนึ่ง อาจเริ่มสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ได้ดังนี้
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ผู้ป่วยมักรู้สึกไม่มีแรง น้ำหนักลด ผิวหนังแห้งแตก แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการตัวบวม และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
คลื่นไส้ อาเจียน มีรสขมในปาก เบื่ออาหาร ไม่สามารถรับรสอาหารได้ตามปกติ
หายใจลำบาก เมื่อไตไม่สามารถขับปัสสาวะหรือเกลือแร่ได้ตามปกติ ผู้ป่วยมักมีอาการตัวบวม ส่งผลให้หัวใจทำงานหนัก เกิดเป็นภาวะหัวใจโต หรือภาวะน้ำคั่งในเยื่อหุ้มหัวใจหรือปอด ในบางรายอาจมีอาการปอดบวม หายใจไม่สะดวก ความดันโลหิตสูง
ตัวซีด เมื่อไตเสื่อม ร่างกายจึงไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดงได้ตามปกติ ผู้ป่วยจึงมักมีภาวะโลหิตจาง ในบางรายอาจเกิดความผิดปกติของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดออกง่าย เกิดจ้ำเลือดตามตัว
ชาปลายมือ ปลายเท้า อาการปลายประสาทเสื่อมส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการชา ปวดบริเวณบั้นเอว กล้ามเนื้อกระตุก หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ปัสสาวะมักมีสีจาง โดยผู้ป่วยมักปัสสาวะได้น้อยลงเมื่อไตเสื่อมสภาพมากขึ้น
กระดูกเสื่อม เปราะบาง เนื่องจากไตมีส่วนในการสังเคราะห์วิตามินดี ซึ่งมีผลต่อระดับแคลเซียมในเลือด ดังนั้น ผู้ป่วยโรคไตมักเกิดภาวะกระดูกพรุน ส่วนในผู้ป่วยเด็กจะหยุดเจริญเติบโตและมีร่างกายแคระแกร็น
ติดเชื้อง่าย ผู้ป่วยโรคไตมักมีภูมิต้านทานต่ำ ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่าย
ฮอร์โมนทางเพศเกิดความผิดปกติ ในผู้หญิง มักทำให้ประจำเดือนผิดปกติ ส่วนในผู้ชายมักพบว่าเป็นหมันหรือเกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
การดูแลร่างกายเพื่อป้องกันโรคไต สามารถเริ่มต้นด้วยวิธีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
รักษาโรคไตกับหมอเฉพาะทางโรคไตที่คลินิกอายุรกรรมโรคไต โรงพยาบาลรามคำแหง พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัย ดูแลให้คำปรึกษาผู้ที่มีความเสี่ยง และรักษาผู้ป่วยโรคไตทุกชนิด ทั้งผู้ป่วยภาวะไตวายเฉียบพลัน และไตวายเรื้อรัง โดยมุ่งเน้นการป้องกันและชะลอการเสื่อมของไต เพื่อลดภาวะแทรกซ้อน รวมถึงเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นหัวใจหลัก
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th