เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
รู้หรือไม่ สำหรับโรคไต สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การดื่มน้ำน้อย การมีโรคประจำตัว รวมไปถึง พฤติกรรมชอบซื้อยาแก้ปวดมาทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการชอบทานอาหารเค็มอย่างที่หลายคนเข้าใจ ดังนั้น เพื่อเป็นลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไต เราจึงควรศึกษาถึงสาเหตุ ที่มา และเคล็ดลับการดูแลสุขภาพไตให้แข็งแรง โดยหมอเฉพาะทางโรคไตเพราะโรคไตเมื่อเกิดขึ้นแล้ว มักส่งผลกระทบต่อระบบอวัยวะส่วนอื่น ๆ ทำให้การรักษามีความซับซ้อน และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยและคนรอบข้าง
โรคไตมีกี่ประเภท อะไรบ้าง ก่อนอื่นอยากให้รู้ก่อนว่าโรคไต หรือที่คุ้นหูกันว่า ภาวะไตวาย ไตเสื่อม หมายถึง ภาวะที่ไตทำงานผิดปกติ หรือทำงานได้ลดลง แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
ภาวะไตวายเฉียบพลัน หมายถึง ภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ อาทิ การติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง การได้รับสารพิษ ผลข้างเคียงจากยา หรือภาวะแทรกซ้อนจากโรคในระบบทางเดินปัสสาวะ รวมถึงโรคอื่น ๆ ที่มีผลต่อไต หรือตัวคุณสามารถสังเกตได้จากอาการต่าง ๆ อย่างเช่น มีอาการตัวบวม ปัสสาวะมีสีน้ำล้างเนื้อ และความดันโลหิตสูงผิดปกติ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะแสดงตั้งแต่แรกเริ่มภายในวันหรือสัปดาห์ และมีความรุนแรงมากกว่าภาวะไตวายเรื้อรัง
แต่ถึงแม้ว่าภาวะไตวายเฉียบพลันจะมีอันตรายถึงชีวิต แต่หากผู้ป่วยรีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุตั้งแต่เนิ่น ๆ หมอก็จะสามารถทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที และช่วยให้ไตฟื้นคืนสภาพกลับมาทำงานเป็นปกติได้
ภาวะไตวายเรื้อรัง หมายถึง ภาวะที่ไตเริ่มค่อย ๆ สูญเสียการทำงานทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ภาวะไตวายเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้ไตกลับมาทำงานเหมือนเดิมได้ และโดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักไม่พบความผิดปกติจนกระทั่งการทำงานของไตลดลงเหลือเพียงร้อยละ 50
อาการแรกเริ่มต่าง ๆ อาจดูไม่รุนแรงเท่าภาวะไตวายเฉียบพลัน และตรวจพบได้ยาก แต่เมื่อตรวจปัสสาวะ มักพบว่ามีเม็ดเลือดแดงหรือโปรตีนปนออกมา ซึ่งในระยะนี้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ไตจะเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ
โดยทั่วไป ผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรังมักมีอาการตัวบวม ความดันโลหิตสูง รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร หรือในรายที่มีอาการรุนแรง อาจเป็นลมหมดสติและเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน
โรคไตนั้นมีปัจจัยที่เป็นสาเหตุในการเกิดโรคมากกว่าแค่การทานอาหารรสเค็มจัด เผ็ดจัด หวานจัด หรืออาหารที่มีโซเดียมสูงอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ ซึ่งปัจจัยอื่น ๆ ที่พบบ่อย ได้แก่
พันธุกรรม โดยเฉพาะโรคถุงน้ำในไต ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของยีนเด่น ซึ่งหมายถึง หากพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นโรคนี้ ก็สามารถถ่ายทอดสู่รุ่นลูกได้ นอกจากนี้ ทารกที่มีน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่า 2,500 กรัม ก็นับเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคไตต่อไปในอนาคต เนื่องจากไตอาจทำงานได้น้อยกว่าปกติ
การดื่มน้ำน้อย เนื่องจากไตต้องใช้น้ำเพื่อทำหน้าที่กรองของเสียในร่างกายให้กลายเป็นปัสสาวะ การดื่มน้ำน้อยเกินไปจะทำให้ไตทำงานหนัก ปัสสาวะมีสีเข้ม เพราะไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
โรคประจำตัวที่มีผลกระทบต่อไต โดยเฉพาะโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ ภาวะนิ่วในไต ไตอักเสบ เกาต์ รวมถึงการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำ ๆ ก็มีส่วนทำให้เกิดโรคไตได้
ภาวะไตผิดปกติ หรือมีประวัติการเป็นโรคไตอักเสบ รวมถึงถุงน้ำในไต ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคไตได้
ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs การรับประทานยาแก้ปวด แก้อักเสบ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้เลือดไปหล่อเลี้ยงไตได้น้อยลง ดังนั้น ก่อนการใช้ยาทุกประเภท ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรผู้ชำนาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
สัญญาณโรคไตแบบไหน ควรรีบพบแพทย์ หากพบว่ามีอาการเสี่ยงเหล่านี้ ผู้ป่วยควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด โดยอาการต่าง ๆ สามารถสังเกตได้จาก
เคล็ดลับดูแลตัวเองอย่างไร ให้ห่างไกลโรคไต สามารถทำได้ดังนี้
นอกจากการดื่มน้ำจะช่วยทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานอย่างราบรื่นแล้ว การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรต่อวันยังช่วยให้ไตสามารถกรองสารพิษและของเสียออกจากเลือดโดยการขับออกทางปัสสาวะอย่างมีประสิทธิภาพ
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ซึ่งรวมถึงอาหารเค็มจัด หวานจัด หรือเผ็ดจัด รวมถึงอาหารที่มีไขมันสูง และอาหารแปรรูป ควรเลือกรับประทานผักและผลไม้สดที่ปราศจากสารเคมี ธัญพืชเต็มเมล็ด อาหารที่อุดมด้วยโอเมก้า 3
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ประมาณวันละ 30 นาที หรืออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการกำจัดของเสียที่สะสมในเลือด รวมไปถึงช่วยควบคุมความดันโลหิตให้คงที่
งดสูบบุหรี่ จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่มีแนวโน้มในการเกิดภาวะไตวายมากกว่าคนทั่วไปถึง 3 เท่า เนื่องจากสารพิษในควันบุหรี่จะเข้าไปสู่กระแสเลือด ซึ่งส่งผลต่อหัวใจและไต การงดบุหรี่เป็นการลดความเสี่ยงต่อตัวเองและบุคคลรอบข้าง
ความเครียดสะสมมักส่งผลให้เราพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพออย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ระบบอวัยวะภายในต่าง ๆ เสียสมดุล ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดโรคไต
การทานยา สมุนไพร หรืออาหารเสริมประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะยาแก้ปวดมากเกินความจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว สิ่งเหล่านี้มักส่งผลต่อการทำงานของไต ทำให้เกิดภาวะไตเสื่อมได้ในระยะยาว
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด รวมถึงการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน ก็มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคไตได้ เนื่องจากการที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงนั้น จะทำให้ไปกระตุ้นกลไกต่าง ๆ ที่ทำลายเนื้อไต จนทำให้เกิดภาวะไตเรื้อรังได้
รวมไปถึงการตรวจคัดกรองโรคไต โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง จะทำให้ทราบถึงสถานะสุขภาพและสามารถกำหนดแนวทางในการวางแผนดูแลสุขภาพในระยะยาวได้
รักษาโรคไต ที่โรงพยาบาลรามคำแหง ทีมหมอเฉพาะทางโรคไต โรงพยาบาลรามคำแหง พร้อมดูแลให้คำปรึกษา และรักษาผู้ป่วยทั้งที่มีภาวะไตวายเรื้อรังและภาวะไตวายเฉียบพลันอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงให้คำแนะนำเพื่อวางแผนและแนวทางในการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอุ่นใจ และสามารถชะลอความเสื่อมของไต รวมถึงป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากภาวะไตวายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th