เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
แม้ว่าตามธรรมชาติแล้ว ผู้ชายจะเป็นเพศที่มีความแข็งแรงทางด้านร่างกายมากกว่าเพศหญิง ร่างกายมีความเสื่อมถอยได้ช้ากว่า แต่ด้วยสภาวะในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเครียด รวมถึงชั่วโมงการทำงานที่มากเกินกว่าปกติจนร่างกายพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ต้องใช้ชีวิตแข่งกับเวลา รับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ ทำให้ในบางครั้ง ความเจ็บป่วยอาจมาเยือนโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งในบางครั้งเมื่อเราละเลยอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เอาใจใส่ เมื่อร่างกายส่งสัญญาณ ก็อาจนำไปสู่อาการเจ็บป่วยสะสม กว่าจะมารู้ตัวภายหลังก็ทำให้การรักษายากขึ้น การตรวจสุขภาพสำหรับผู้ชาย จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญไม่ใช่น้อย ก่อนที่สายเกินแก้
ความสำคัญของการตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้ชาย นั้นเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจ เพราะในปัจจุบัน ทุกคนควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อคัดกรองปัญหาสุขภาพเบื้องต้น แม้ผลตรวจจะออกมาว่าเราไม่มีปัญหาสุขภาพ แต่การเข้ารับการตรวจเช็กโดยละเอียด และรับคำแนะนำจากแพทย์ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ และเตรียมพร้อมร่างกายในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น เราควรทราบถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้ชาย ดังนี้
ช่วยให้ทราบและรู้เท่าทันความสมบูรณ์ของร่างกาย เพราะ ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนในยุคปัจจุบันอาจทำให้คนในวัยทำงานละเลยการดูแลสุขภาพมากขึ้น การเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีจึงถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่จะช่วยให้ทราบถึงสุขภาวะโดยรวม รวมถึงพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดโรค นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองให้มีความเหมาะสมกับสถานะสุขภาพ และช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่อโรคภัยมากยิ่งขึ้น
ช่วยค้นหาและป้องกันปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคร้าย โดยการตรวจสุขภาพประจำปี มีจุดประสงค์ในการมุ่งป้องกันมากกว่าการรักษาโรค เพราะสามารถช่วยค้นพบความผิดปกติ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงและโรคต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม หรือในระยะที่โรคยังไม่แสดงอาการ ทำให้สามารถระวังและดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดโรค หรือหากเกิดโรคแล้วก็สามารถทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที และป้องกันไม่ให้เกิดการลุกลามมากยิ่งขึ้น
เป็นการวางแผนสุขภาพในระยะยาว เพราะการตรวจสุขภาพไม่เพียงแต่จะเป็นการลดความเสี่ยงสูญเสียความแข็งแรงของร่างกายในระยะยาว แต่ยังเป็นการช่วยวางแผนทางด้านการเงิน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคระยะยาว ประหยัดเวลาในการรักษา และเพิ่มโอกาสในการวางแผนการใช้ชีวิตในรูปแบบที่ต้องการได้
สามารถรับมือหากเจอโรคร้ายได้อย่างทันท่วงที โดยการตรวจสุขภาพประจำปีถือเป็นวิธีการค้นหาโรคและภาวะผิดปกติในร่างกาย ซึ่งหากตรวจพบความผิดปกติของร่างกาย แพทย์ก็จะสามารถวางแนวทางการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของโรค โดยไม่ปล่อยอาการทรุดหนักหรือโรคลุกลาม เพิ่มโอกาสการหายขาดและยังทำให้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
ผู้ชายส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญในการดูแลใส่ใจสุขภาพเท่าผู้หญิง รวมถึงในบางราย ยังมีการสะสมพฤติกรรมสุขภาพด้านลบมาอย่างยาวนาน ทำให้อาจเกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคบางโรคมากกว่าผู้หญิง ขออธิบาย 7 โรคอันตรายที่ผู้ชายควรระวัง ดังนี้
โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยมักเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมในระยะยาว ทำให้ระดับไขมันเลว (LDL) ในร่างกายพุ่งสูงขึ้น และส่งผลต่อปริมาณเลือดที่ไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจและสมองซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ภาวะดังกล่าวถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โดยมักสังเกตอาการผู้ป่วยได้จากอาการเหน็บชา อ่อนแรง อาจมีอาการอัมพฤกษ์ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เหน็บชา รวมถึงมีพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ผิดปกติ
โรคต่อมลูกหมากโต โดยจากการศึกษาพบว่าร้อยละ 50 ของผู้ชายวัย 50 ขึ้นไป เคยมีภาวะต่อมลูกหมากมีขนาดโตผิดปกติ ซึ่งจะทำให้ไปเบียดท่อปัสสาวะให้ตีบแคบ ทำให้ปัสสาวะไหลไม่แรงหรือต้องเบ่งปัสสาวะช่วย และอาจนำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อาทิ ปัสสาวะเลือด ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือในบางรายอาจเกิดนิ่วในระบบปัสสาวะหรือรุนแรงจนถึงภาวะไตวายเฉียบพลันได้
โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นโรคที่สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม อาทิ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือการรับประทานเนื้อแดงมากจนเกินไป โดยอาการเริ่มต้นมักคล้ายกับโรคต่อมลูกหมากโต ผู้ป่วยจึงมักมองข้ามอาการในระยะแรก และมาตรวจพบเมื่ออาการเริ่มลุกลามมากขึ้นจนปัสสาวะมีเลือดปน
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยทางด้านอารมณ์ ความเครียด หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเมื่อเข้าสู่วัยทอง และผลกระทบจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ หรือการดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ โรคประจำตัวบางโรคก็อาจส่งผลกระทบให้เกิดเส้นเลือดบริเวณอวัยวะเพศตีบร่วมกับอาการเส้นประสาทเสื่อมได้
โรคไต มักเป็นผลแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน และภาวะความดันโลหิตสูง โดยอาการโรคไตจะมีกลุ่มอาการ 2 ชนิดที่พบมากที่สุด ได้แก่ ไตวายเฉียบพลันและไตวายเรื้อรัง โดยเฉพาะอาการไตวายเรื้อรังนั้นมักไม่แสดงอาการในช่วงเริ่มต้น จนเมื่อตอนที่ไตเสียหายไปมากแล้วจึงเริ่มแสดงอาการ
โรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ มีสาเหตุเกิดจากร่างกายผลิตฮอร์โมนควบคุมแคลเซียมมากเกินไป หรือผู้ป่วยอาจดื่มน้ำน้อย ทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นสูง ก่อให้เกิดก้อนผลึกเกลือแร่ขนาดเล็กจับตัวกันเป็นก้อนหินปูนในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งสามารถเกิดได้ในทุกอวัยวะในระบบทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ นิ่วในไต ท่อไต และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เป็นอีกหนึ่งโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ชาย โดยเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น อาหารที่รับประทานเข้าไปจะใช้เวลาเดินทางจากระบบย่อยไปทวารหนักนานมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์หรืออาหารที่มีไขมันสูง โดยการที่อาหารค้างอยู่ในระบบย่อยนานเกินไป ทำให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้เสียสมดุล ซึ่งเมื่อลำไส้อ่อนแอเป็นระยะเวลานาน ก็จะส่งผลให้เกิดเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
ถึงแม้ว่าการตรวจสุขภาพจะมีความสำคัญต่อการดูแลร่างกาย และการวางแผนชีวิตหลายประการ แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมาก ที่ยังละเลย ไม่ใส่ใจในการตรวจสุขภาพประจำปี ในบทความถัดไปโรงพยาบาลรามคำแหง จะมาพูดถึงเหตุผลที่คนส่วนใหญ่มักละเลยการตรวจสุขภาพ รวมไปถึงคำแนะนำต่าง ๆ และแพ็กเกจตรวจสุขภาพ เพื่อเตรียมพร้อมในการวางแผนสุขภาพ
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th