เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
เมื่อพูดถึงความผิดปกติของหัวใจ หลายคนคงเกิดคำถามว่า จริงๆ แล้ว เป็นโรคร้ายแค่ไหน สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ต้องผ่าตัดวิธีใด และจำเป็นต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลไหม ซึ่งในปัจจุบัน ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย และได้มาตรฐาน ทำให้การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือลิ้นหัวใจรั่ว เป็นไปได้ง่าย และปลอดภัยกว่าในอดีตมาก ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลรามคำแหง มีความพร้อมดูแลรักษาหัวใจทุกดวง ตั้งแต่การป้องกัน ตลอดจนการแก้ไขความผิดปกติโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้มั่นใจได้ว่า ภาวะเหล่านี้รักษาให้หายได้ รู้สึกอุ่นใจ และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง
ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของแพทย์ทำให้การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมีความก้าวหน้ามากกว่าที่ผ่านมาในอดีต โดยเฉพาะในกรณีที่หัวใจยังทำงานเป็นปกติ การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ บางโรคมีโอกาสรักษาให้หายสูงถึง 90-95% ด้วยการจี้ด้วยไฟฟ้าผ่านคลื่นเสียงความถี่สูง (Radiofrequency Catheter Ablation, RFCA) ซึ่งถือเป็นการรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะโดยไม่ต้องผ่าตัด เจ็บตัวน้อย และมีภาวะแทรกซ้อนต่ำ
การรักษาด้วยวิธีนี้ แพทย์จะทำการสวนสายสวนหัวใจจากบริเวณขาหนีบ ให้ตรงกับตำแหน่งของวงจรไฟฟ้าหัวใจที่เกิดความผิดปกติ และส่งคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปยังตำแหน่งนั้นๆ โดยคลื่นดังกล่าวจะทำให้เกิดความร้อนต่ำๆ ขึ้นที่ส่วนปลายของสายสวนหัวใจเพื่อจี้รักษา แม้ในผู้ป่วยที่พบความผิดปกติหลายตำแหน่ง อาจต้องทำซ้ำ 2-3 ครั้ง แต่โดยรวม ถือว่าเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง และให้ผลดี ทำให้ผู้ที่เข้ารับการรักษาเจ็บตัวน้อย มีโอกาสหายขาดสูง คุ้มค่า และไม่ต้องทานยาไปตลอดชีวิต
วิธีการป้องกันโรคลิ้นหัวใจรั่วในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ในกรณีที่ไม่ได้มีความผิดปกติของหัวใจโดยกำเนิด โรคลิ้นหัวใจรั่วสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้เช่นเดียวกับโรคหัวใจชนิดอื่น ๆ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
หากพบว่าตัวเองมีความเสี่ยง ก็ควรหมั่นสังเกตตัวเองว่าเข้าข่ายหรือไม่ รวมถึงเข้ารับการตรวจเช็กร่างกายและสุขภาพหัวใจทุกปี ในกรณีที่พบว่ามีอาการแน่นหน้าอก หรือมีอาการผิดปกติ ก็ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อป้องกันความรุนแรงตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม
การออกกำลังกายนับว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ เพราะนอกจากจะช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วยเพิ่มการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้อย่างดีอีกด้วย แต่ถึงแม้การออกกำลังกายจะเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มสมรรถภาพโดยรวมของหัวใจ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ก็ยังมีความจำเป็นที่จะเลือกประเภทกีฬาที่เหมาะสม โดยรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ คือ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ อาทิ แอโรบิค เดิน วิ่ง ปั่นจักรยานอยู่กับที่ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้หัวใจสามารถนำออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคหัวใจควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กำหนดระยะเวลาครั้งละประมาณ 30 นาทีต่อวัน จำนวน 3-5 วันต่อสัปดาห์ แต่ควรระมัดระวังไม่ออกกำลังกายอย่างหักโหมจนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เริ่มออกกำลังกาย ถ้าเป็นไปได้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคหัวใจเพื่อหาขอบเขตและโปรแกรมออกกำลังกายที่ปลอดภัย ควรซ้อมเบา ๆ ไม่รีบร้อน รวมถึงหยุดพักเมื่อรู้สึกเหนื่อยหรือเริ่มมีอาการแน่นหน้าอก และควรรีบหยุดออกกำลังกายทันที หากมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ เจ็บหน้าอก เวียนศีรษะ หน้ามืด และควรนั่งพักในที่ที่มีอากาศถ่ายเท โดยสามารถอมยาใต้ลิ้นตามข้อบ่งใช้ และหากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
ในปัจจุบันการเปลี่ยนลิ้นหัวใจผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือ ‘TAVI’ (Transcatheter Aortic Valve Implantation) เป็นอีกหนึ่งวิธีการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจเดิมที่เสื่อมสภาพ ด้วยการใช้สายสวนผ่านบริเวณหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณขาหนีบ โดยเมื่อสายสวนเข้าถึงบริเวณลิ้นหัวใจที่ตีบ แพทย์จะทำการปล่อยลิ้นหัวใจเทียมที่ม้วนพับอยู่ให้กางออก กลายเป็นลิ้นหัวใจใหม่แทนของเดิมที่ใช้การไม่ได้ โดยวิธีนี้ นอกจากจะสามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิต ลดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้อย่างดีแล้ว อุปกรณ์การรักษายังมีขนาดกะทัดรัด ช่วยให้แผลมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว ลดระยะเวลาในการพักฟื้นในโรงพยาบาล และได้ผลดีเหมือนการผ่าตัดหัวใจแบบมาตรฐาน ที่ทางศูนย์หัวใจอยากแนะนำ
แพ็กเกจตรวจความเสี่ยงโรคหัวใจ ที่ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลรามคำแหง มีรายละเอียดแต่ละแพ็กเกจดังนี้
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th