เหนื่อยนัก ก็พักบ้าง แชร์ 7 วิธี ฮีลใจสำหรับวัยทำงาน

January 12 / 2024

 

เหนื่อยนัก ก็พักก่อน แชร์ 7 วิธี  ฮีลใจสำหรับวัยทำงาน

- ทำไม?...การตื่นเช้าไปทำงานมันทรมานจัง

- ทำไม?...ฉันทำงานได้ไม่ดีเท่าเดิม

- ฉันกำลังเป็นซึมเศร้าหรือป่าวนะ!

 

 

 

ภาวะหมดไฟ (Burnout Syndrome) ถือเป็นเรื่องปกติที่คนทำงานทุกคนมีโอกาสเป็นได้ แม้เราจะสตรองแค่ไหน แต่ถ้าสะสมความเครียดทีละเล็กละน้อย ก็อาจทำให้สุขภาพจิตเสียและเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ ดังนั้นเรามาเริ่มเยียวยาตัวเองให้ผ่อนคลาย มีความสุขเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน กับ 7 วิธีง่ายๆ ที่จะฮีลใจตัวเองให้กลับมามีพลังบวกอีกครั้ง คนทำงานอย่างเราๆ ได้มีแรงกายแรงใจ ก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้า มาลองทำไปด้วยกันนะครับ

 

 

 

  • Exercise ออกกำลังกายเรียกเอ็นโดรฟิน
    หลังจากเลิกงานกันแล้ว ลุกขึ้นมาขยับแขนขยับขากันหน่อย ถ้ามัวแต่ทิ้งตัวลงบนเตียงเป็นผัก จะยิ่งทำให้จิตใจรู้สึกดาวน์ลง ให้ลองวิ่งสัก 15 นาที หรือ คาร์ดิโอเบาๆ เรียกเหงื่อ สัก 30 นาที พยายามฝืนตัวเองทำดู นอกจากจะเรียกเหงื่อได้แล้ว ยังทำให้เราเปลี่ยนโฟกัส ทิ้งเรื่องที่เครียดมาทั้งวันไปแบบไม่รู้ตัว แถมหลังจากออกกำลังเสร็จร่างกาย จะหลั่งสารสารแห่งความสุข เอ็นโดรฟิน ออกมาทำให้รู้สึกมีความสุข คลายเครียด และดีต่อสุขภาพมากๆ เลย
     
  • Meditate ฝึกนั่งสมาธิให้จิตใจสงบ
    รู้มั้ยครับว่าการนั่งสมาธิให้ได้สักวันละ 15 นาที เช้า-เย็น นอกจากจะทำให้จิตใจสงบแล้ว สมองยังแจ่มใส ผ่อนคลายความเครียดลงได้ และส่งผลให้ร่างกายทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีงานวิจัยยืนยันแล้วด้วย
     
  • Work Life Balance แยกเวลางานและเวลาส่วนตัว
    การที่คนทำงานเกิดความรู้สึกหมดไฟ ส่วนหนึ่งก็มาจากการทำงานหนักจนเกินเวลาส่วนตัว จนทำให้ไม่เวลาพักผ่อนไม่มีเวลาให้กับชีวิตส่วนตัวเลย ดังนั้นต้องแยกให้ออกเวลาทำงานและเวลาส่วนตัว กำหนดให้ชัดเจน จัดสรรให้ลงตัวให้ได้ เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีความเครียดจากการทำงานตลอดเวลา ก็ทำลายสุขภาพจิตคุณไปหมดแล้ว
     
  • Relax พัก ปล่อยใจไปกับสิ่งที่ตัวเองชอบ
    เวลาหลังเลิกงาน ให้ปล่อยใจไปกับสิ่งที่ตัวเองชอบบ้าง เช่น ดูซีรีส์ ดูหนัง ดูละคร ดูอะไรไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย หรือจะนอนฟังเพลงเพราะๆ ชิลล์ๆ จะช่วยให้สมองผ่อนคลายจากความเครียดความเหนื่อยล้าลงได้
  •  Positive Thinking เปลี่ยนวิธีคิด
    แค่เปลี่ยนวิธีคิดชีวิตก็เปลี่ยน หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำนี้ การคิดบวกนั้นไม่ใช่การหลอกตัวเอง แต่เป็นการยอมรับและเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายหรือดี ก็พร้อมปรับตัว และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามมองหาข้อดีของทุกอย่าง คนที่มี Positive Thinking จะเป็นคนที่มีความสุขมากหากใครได้อยู่ใกล้ๆ ก็จะพลอยได้รับพลังงานบวกและมีความสุขไปด้วย
  • Travel ออกเดินทางเปิดมุมมองใหม่ๆ
    การเดินทางเป็นการเยียวยาตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะเราจะได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ไปในที่ที่ไม่เคยไป ไปสัมผัสเรื่องราวระหว่างการเดินทาง อยู่เงียบๆ ท่ามกลางธรรมชาติ ทะเล ภูเขา ได้ยินเสียงตัวเองมากขึ้น การเดินทางนอกจากจะให้ประสบการณ์มากมายกับเราแล้ว ยังทำให้เราทิ้งและปล่อยวางความเครียดทุกอย่างลงได้
  • พูดคุยระบายกับคนที่ไว้ใจได้ หรือปรึกษาจิตแพทย์
    เมื่อมีความรู้สึกไม่สบายใจ หรือเครียดจากงาน หาทางออกไปเจอกับปัญหา อาจลองคุยกับเพื่อนหรือคนรอบข้างดูก่อน การพูดคุยระบายกับคนที่พร้อมรับฟังคนที่ไว้ใจได้ อาจช่วยให้เราสบายใจขึ้น เพราะอย่างน้อยๆ ก็ทำให้เราไม่ต้องแบกความรู้สึกไว้ทั้งหมดคนเดียว อีกทางเลือกหนึ่งคือการพบจิตแพทย์ การพบจิตแพทย์ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการพูดคุยปรึกษาและรับคำแนะนำที่ดีจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เรากลับมาเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจ มีไฟในการทำงานอย่างเต็มเปี่ยมอีกครั้ง


 

 

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการฮีลใจที่นำมาฝาก ยังไง! ก็ลองนำไปใช้และทำให้ติดเป็นนิสัยกันดูนะครับ ที่สำคัญคือการจัดการความเครียด อะไรที่หนักเกินไปก็วางบ้าง อย่าลืมยิ้มหัวเราะให้ได้ในทุกๆ วัน สร้างรอยยิ้มจากเรื่องเล็กๆ รอบตัวให้ได้ แค่นี้คุณก็จะมีไฟในชีวิตการทำงานมากขึ้นและรู้สึกมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอนครับ...

 

 

แก้ไข

29/09/2566