เติมพลังสำหรับชีวิตวัยทองด้วยอาหารเสริมสร้างสุขภาพ

December 14 / 2023

 

เติมพลังสำหรับชีวิตวัยทอง... ด้วยอาหารที่เสริมสร้างสุขภาพ

 

 

 

เมื่ออายุมากขึ้นและเข้าสู่ช่วง “วัยทอง” นอกจากการมีอารมณ์ที่แปรปรวนขึ้นแล้ว ระบบต่างๆ ในร่างกายยังมีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะระบบเผาพลาญที่ทำงานได้น้อยลง จึงเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ง่าย ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดก็คือความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน หรืออ้วนลงพุง โรคเบาหวาน โรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด

 



ผู้ที่เข้าสู่วัยทองจึงควรให้ความสำคัญเรื่องการทานอาหารให้มากขึ้น ซึ่ง หลักการทานอาหาร จะต้องเหมาะสมตามหลักโภชนาการ ย่อยง่าย มีกากใยสูง เพื่อช่วยลด อาการวัยทองในระยะเริ่มต้น และ อาการวัยทองในระยะยาวนอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวดี ไม่แห้งแตก รวมถึงป้องกันโรคที่อาจเกิดจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไปได้ด้วย



อาหารสุขภาพ” ที่ควรทาน

 

  • ข้าวกล้อง ธัญพืช ถั่วต่างๆ
  • ปลาแซลมอน
  • ไข่
  • กล้วย
  • เต้าหู้ และน้ำเต้าหู้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากถั่วเหลืองทุกชนิดที่ควรทานเป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะมีประโยชน์และช่วยป้องกันโรคได้ค่อนข้างดี

 

 

 

นอกจากนี้ผู้ที่เข้าสู่วัยทองยังอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุนได้ และมีโอกาสที่กระดูกจะเกิดการแตกหักง่าย จึงควรทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ไม่ว่าจะเป็น

  • โยเกิร์ตไขมันต่ำ นมที่มีไขมันต่ำ
  • ผักใบเขียว ผลไม้ มีธาตุโบรอนที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการกักฮอร์โมนเอสโตรเจน รวมถึงช่วยลดการสูญเสียแคลเซียมได้ โดยเฉพาะ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี เช่น บลูเบอร์รี ราสป์เบอร์รี สตรอว์เบอร์รี แอปเปิล องุ่น ส้ม ส่วน ผัก เช่น บรอกโคลี ผักแขนง ดอกกะหล่ำ หัวไชเท้า ข้อดีของการทานผัก-ผลไม้ทั้งหมดนี้ก็คือจะช่วยเพิ่มวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์กับร่างกาย นอกจากนี้กากใยยังช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ลดอาการท้องผูกเรื้องรัง ช่วยให้สบายตัว ในผัก-ผลไม้ ยังอุดมไปด้วยสารไฟโตเอสโตรเจน ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน สามารถช่วยบรรเทาอาการวัยทองลงได้

 

 

 

อาหารอันตรายที่ควรงด

 

โดยอาหารที่ทานแล้วอาจไปกระตุ้นให้ภาวะวัยทองมีอาการมากขึ้นได้นั้น ได้แก่

  • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ หากมีการดื่มเครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดเป็นประจำจะส่งผลให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน
  • เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะอาจมีผลกระทบกับร่างกายได้
  • ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัดหรือเผ็ดร้อน
  • ขนมขบเคี้ยว
  • ขนมหวาน
  • อาหารแปรรูป เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ลดต่ำลง อาจเสี่ยงต่อการเกิดไขมันสะสมที่หน้าท้องทำให้อ้วนได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นคือมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิด โรคหลอดเลือดหัวใจ กับโรคเบาหวานได้

 

 

 

ควรทานอาหารอาหารโดยแบ่งออกเป็นมื้อเล็กๆ หรือมื้อย่อยๆ ซึ่งการทานครั้งละน้อย ๆ นั้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาพลาญให้ทำงานดีขึ้น ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดคงที่ ร่างกายก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยล้าง่าย ที่สำคัญคือไม่ควรอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง โดยเฉพาะมื้อเช้าที่เป็นมื้อสำคัญ เพราะจะช่วยให้ร่างกายเกิดความกระฉับกระเฉงได้ตลอดวัน และในส่วนของมื้อเย็นก็ควรลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง อาจเพิ่มเป็นโปรตีนไขมันต่ำและย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา อกไก่ ฯลฯ

 

 

การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยลดปัญหา และลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคได้เป็นอย่างดี

 

 

แก้ไข

15/08/2566