เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
มลพิษแบบใดคือปัจจัยเสี่ยง “มะเร็งกล่องเสียง”
มะเร็งกล่องเสียง เป็นเนื้อร้ายที่เกิดบริเวณเยื่อบุกล่องเสียง เกิดจากสาเหตุที่ไม่ทราบแน่นอน แต่บุหรี่เป็น 1 ในปัจจัยของการเกิดโรคเนื่องจากควันบุหรี่ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ โดยยังมีอีกสาเหตุอื่น เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กับการอักเสบเรื้อรังของบริเวณคอหรือกล่องเสียง อีกทั้งกรณีการติดเชื้อไวรัสบางตัวก็สามารถกระตุ้นให้เป็นมะเร็งได้ ถัดไปคือสารก่อการระคายเคืองเช่นควันพิษของ PM 2.5 ก็มีส่วน รวมถึงสารเคมีจากโรงงาน อย่างเช่น พวกซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ตะกั่ว โดยจะมารู้ตัวก็เมื่อเกิดอาการเสียงแหบ บางคนมาด้วยเรื่องกลืนเจ็บกลืนลำบาก สำลัก เสมหะปนเลือด มีปวดร้าวที่หู ไอเรื้อรัง แล้วก็มาด้วยเรื่องก้อนที่คอ ก้อนต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ถ้าเป็นเยอะบางคนมาด้วยทางเดินหายใจอุดตัน มาด้วยเหนื่อยหอบ หายใจไม่ออก
มะเร็งกล่องเสียงแบ่งเป็น 2 ระยะ
“ระยะแรก แบ่งเป็น 2 ขั้น ๆ 1 กับ 2” ซึ่งอาการส่วนใหญ่ของระยะเริ่มต้น มักมาด้วยเรื่องเสียงแหบ และเมื่อเสียงแหบทำให้รู้สึกเจ็บ กลืนแล้วเจ็บหรือร้าวที่หู ส่วน “ระยะลุกลาม จะถือว่าอยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งรวมขั้นที่ 3 กับ 4” ก้อนที่คอก็ถือเป็นระยะลุกลามซึ่งมันกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง การกลืนลำบากก็อาจจะเริ่มลุกลามไปที่หลอดอาหาร-ช่องคอ และถ้ามีอาการเหนื่อยหอบหายใจไม่ออกก็มักจะเป็นระยะลุกลามเช่นกัน
มีวิธีรักษาหลายแบบ รวมถึง “การผ่าตัด”
การรักษามะเร็งกล่องเสียง มีหลักปฏิบัติที่ใช้ได้ตั้งแต่ ผ่าตัด หรือ วิธีฉายแสง หรือ เคมีบำบัด ส่วนจะเลือกวิธีใดขึ้นอยู่กับระยะคนไข้ ถ้าเป็นในระยะเริ่มต้นก็จะไม่ทำการผ่าตัด โดยอาจใช้การฉายแสงโดยที่คนไข้ยังสามารถเก็บกล่องเสียงไว้ได้ สามารถกลับมาพูดได้เพราะกล่องเสียงไม่ได้ถูกตัดออก แต่ถ้าเป็นในระยะลุกลามก็ต้องใช้การผ่าตัด หรือฉายแสง เคมีบำบัด หรือทั้ง 3 อย่างเลยก็มี
กรณีตัวอย่างที่น่าสนใจ
ตัวอย่างกรณีที่มีผู้ป่วยรายหนึ่งมาเข้ารับการผ่าตัดหลังจากที่มารับการตรวจอาการ “เสียงแหบ” ที่เกิดขึ้นนานผิดสังเกต ตรวจพบว่ามีก้อนมะเร็งอยู่ที่กล่องเสียงและยังอยู่ในระยะแรก จึงรักษาด้วยการผ่าตัด
คนไข้มาด้วยเสียงแหบซึ่งตรวจแล้วพบว่ามีก้อนอยู่ที่เส้นเสียงข้างเดียวก็คือระยะแรก แต่พอเข้าไปห้องผ่าตัดจริง ๆ ปรากฏว่ามันลามออกไปนิดหนึ่ง จึงได้ผ่าตัดเอาออกเฉพาะก้อน แล้วก็มาดูว่าเอาออกไปแล้วมันจะมีโอกาสเกิดใหม่ได้อีกไหม พอเห็นว่าไม่น่าไว้ใจก็เลยตามเก็บโดยการฉายแสง ซึ่งบางเคสที่เจอก็คือมันลามออกข้างนอกแล้วจากการที่คนไข้ชายมีเสียงแหบมานานแล้วไม่ได้ควบคุมดูแลตัวเองจนมาเกิดภาวะทางเดินหัวใจอุดตัน ต้องเจาะคอด่วนแต่ไม่อาจทำการผ่าตัดได้ ต้องส่งไปทำคีโม ฉายแสงขณะที่เขามีอายุระหว่าง 50-60 ปี โดยมีผลวิจัยระบุไว้แล้วว่ามะเร็งกล่องเสียงเจอในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ด้วยเหตุที่มีปัจจัยเสี่ยงมากกว่า
รพ.รามคำแหงได้ติดตั้งกล้องตรวจไว้ที่แผนกผู้ป่วยนอกเลย สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยได้ชัดเจน มีเครื่องมือที่เป็นเลเซอร์สำหรับทำการตัดก้อนมะเร็ง ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ชำนาญการด้านมะเร็ง การฉายแสง ซึ่งกำลังจะเปิดศูนย์ฉายแสงในอนาคตอันใกล้ โดยมีพยาธิแพทย์ (Pathologist) พร้อมทำการตรวจยืนยันตัวอย่างชิ้นเนื้อให้แล้วเสร็จภายในครึ่งชั่วโมงและส่งต่อให้แพทย์อ่านผลตรวจได้โดยไม่เสียเวลารอเป็นชั่วโมง
หลังผ่าตัดต้องเปลี่ยนวิธีสื่อสารหรือไม่
ถ้าเป็นระยะแรกเริ่มเรายังเก็บกล่องเสียงได้โดยจะเอาเฉพาะก้อนออก แต่ไม่ว่าจะฉายแสงเลเซอร์หรือผ่าตัดเฉพาะก้อน คนไข้ก็กลับมาพูดได้ปกติ อาจจะมีแหบบ้าง ส่วนถ้ามีการผ่าตัดในระยะลุกลาม 3-4 จะต้องผ่าตัดเอากล่องเสียงออก โดยที่คนเราจะมีรูหายใจอยู่ด้านหน้าช่องคอซึ่งในช่วงแรกหลังผ่าตัดใหม่ ๆ คนไข้อาจจะรู้สึกเจ็บถ้าพูดหรือเปล่งเสียง จึงต้องใช้วิธีสื่อสารด้วยการเขียนไปก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนแผลหายดีแล้วคนไข้จะพูดได้แต่ไม่มีเสียง เราจึงต้องดูแลและจัดให้เขาได้ฝึกการพูดหลังผ่าตัดกล่องเสียง วิธีแรกคือให้เขาฝึกออกเสียงพูดโดยใช้หลอดลมจากหลอดอาหาร เรียกว่า esophageal speech ส่วนอีกวิธีที่มักจะใช้กันมากกว่าคือ ใช้กล่องเสียงเทียม เรียกว่า electrolarynx ที่เป็นเหมือนเครื่องโกนหนวด โดยนำมาจี้ตรงตำแหน่งช่องคอขณะที่เขาเปล่งเสียงออกมา เพียงแต่เสียงพูดจะเหมือนเสียงหุ่นยนต์นิดหนึ่ง วิธีที่ 3 คือ ใช้ลมระหว่างหลอดลมกับหลอดอาหารให้มีเสียงพูดออกมาขณะเปล่งเสียง ซึ่งทุกอย่างต้องฝึกโดยจะมีชมรมมะเร็งกล่องเสียง ซึ่งใช้เครื่องมือเหล่านี้มาจัดฝึกสอนโดยมีนักเปล่งเสียงบำบัด หรือ Speech Therapist มาช่วยฝึกให้
ไม่มีวิธีป้องกัน แต่ลดปัจจัยเสี่ยงได้ หลีกเลี่ยงได้ด้วยการงดปัจจัยที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็น บุหรี่ แอลกอฮอล์ สารก่อการระคายเคือง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในบริเวณที่มีมลภาวะ และถ้าเป็นกรดไหลย้อนก็ควรรีบรักษาให้หายโดยไวเพื่อจะได้ลดความเสี่ยงต่อโอกาสในการเป็น มะเร็งกล่องเสียงให้มากที่สุด
แก้ไข
12/07/2566
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th