'8 ดี' เทคนิคช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมสำหรับผู้สูงอายุ

December 25 / 2024

ป้องกันสมองเสื่อม ผู้สูงอายุ

 

 

 

     เมื่ออายุมากขึ้นบรรดาโรคภัยต่างๆ ก็มักจะเข้ามาเบียดเบียนร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะผู้ที่ก้าวเข้าสู่วัยเกษียณหรือผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้น เนื่องจากเป็นวัยที่อ่อนแอ เปราะบาง มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงจะเกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุต้องพบกับโรคสมองเสื่อมขั้นรุนแรง วันนี้หมอจึงนำเทคนิค '8 ดี' มาแนะนำให้ผู้อยู่ใกล้ชิดช่วยดูแลหรือให้ผู้สูงอายุลองปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันช่วยให้เกิดโรคนี้น้อยลง แม้อาจไม่สามารถป้องกันได้ถึง 100% แต่ก็ช่วยให้สมองมีประสิทธิภาพ และชะลอความเสื่อมของสมองได้

 

 

 

ป้องกันสมองเสื่อม ผู้สูงอายุ

 

 

'โรคสมองเสื่อม' ภาวะเสื่อมที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ

     หนึ่งในโรคที่ผู้สูงอายุต้องเผชิญคือ โรคสมองเสื่อม หากป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความรับรู้และสติปัญญาที่ลดลง คิดหรือจำอะไรไม่ค่อยได้ เริ่มหลงลืมบ่อย และรวมถึงอารมณ์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป

 

'8 ดี' รวบเทคนิคช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมสำหรับผู้สูงอายุ

1.  กินดี

     เรื่องของ อาหารถือเป็นเรื่องสำคัญเลยก็ว่าได้ ผู้สูงอายุควรได้รับปริมาณอาหารที่เหมาะสม เช่น ควรทานแป้งวันละ 7-9 ทัพพี ผักวันละ 4 ทัพพี ผลไม้วันละ1-3 ส่วน เนื้อสัตว์วันละ 6-8 ช้อนกินข้าว ดื่มนมวันละ 1-2 แก้ว หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรส หวาน มัน เค็ม
 

2.  ฟันดี

     การมีฟันที่ดีก็ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยควรแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 นาที และเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม มีปลายขนแปรงมน โดยเน้นแปรงบริเวณขอบเหงือกและคอฟัน ควรแปรงให้ทั่วถึงทุกซี่ทั้งด้านนอกที่ติดกระพุ้งแก้มและด้านในที่ติดกับลิ้นหรือเพดาน รวมทั้งด้านบดเคี้ยว
 

3.  ตาดี

     แน่นอนว่าวัยนี้เป็นวัยที่ต้องเจอกับปัญหาด้านสายตาโดยเฉพาะ อาการสายตายาวทำให้ผู้สูงอายุไม่สามารถมองเห็นภาพระยะใกล้ได้อย่างชัดเจน ผู้สูงอายุควรเข้าพบจักษุแพทย์เป็นประจำ เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพดวงตาที่ถูกต้อง แถมยังช่วยชะลออาการเสื่อมของสายตาอีกด้วย
 

 

 

ป้องกันสมองเสื่อม ผู้สูงอายุป้องกันสมองเสื่อม ผู้สูงอายุป้องกันสมองเสื่อม ผู้สูงอายุ

 

 

4.  เคลื่อนไหวดี

การเคลื่อนไหวถือว่าจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้สูงวัย เนื่องจากการออกกำลังกายเป็นประจำช่วยชะลอการเสื่อมของกระดูกและกล้ามเนื้อ 

 

  • เพียงเดินอย่างน้อยวันละ 5,000 ก้าว ก็ช่วยป้องกันการหกล้มและเพิ่มเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ ผลพลอยได้คือทรงตัวดีขึ้น
  • การเดิน 6,000 ก้าวต่อวัน ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • จะดีกว่านั้นหากเดินเพิ่มมากขึ้นเป็นวันละ 7,000-10,000 ก้าว ช่วยป้องกันโรคไม่ติดต่อ ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายให้ดีขึ้น ช่วยให้ผู้สูงวัยมีการเคลื่อนไหวที่ดี ป้องกันการหกล้มและเคลื่อนไหวได้คล่องตัวขึ้น

 

5.  สภาพแวดล้อมดี

     ที่อยู่อาศัยถือเป็นสิ่งที่มีผลต่อการใช้ชีวิตเลยก็ว่าได้ โดยควรจัดบ้านให้มีความเหมาะสมกับผู้สูงวัย เช่น จัดวางของในบ้านให้เป็นระเบียบ สะอาด ไม่มีสิ่งกีดขวางทางเดิน ปูพื้นห้องน้ำด้วยพื้นหยาบและมีราวจับเพื่อป้องกันการหกล้ม
 

6.  อารมณ์ดี

     แน่นอนว่าอารมณ์ที่ดีก็ส่งผลสุขภาพดีตาม ดังนั้นลูกหลานหรือผู้ใกล้ชิดควรหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกันกับท่าน เช่น การออกกำลังกาย เข้าวัดทำบุญ ไปทานอาหารนอกบ้าน หรือแนะนำให้ท่านไปพบปะ พูดคุย เข้าร่วมกิจกรรมในชมรมผู้สูงอายุ เพื่อไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกทอดทิ้ง

 


 

ป้องกันสมองเสื่อม ผู้สูงอายุป้องกันสมองเสื่อม ผู้สูงอายุป้องกันสมองเสื่อม ผู้สูงอายุ

 

 

7.  สมองดี

     เพราะสมองคืออวัยวะที่รวมทุกปัจจัยเข้าไว้ด้วยกัน หากผู้สูงวัยมีการทานอาหารที่ดี มีสภาพจิตใจที่ดี รวมถึงมีสภาพแวดล้อมที่ดี ก็จะส่งผลให้สมองดีตามไปด้วย
 

 

8.  นอนหลับดี

     ข้อสุดท้ายนี้บอกเลยว่าควรปฏิบัติอย่างมาก โดยผู้สูงวัยควรนอนหลับให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ นอกจากนี้ก็ยังป้องกันการเกิดโรคต่างๆได้ด้วย เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี

 

 

ป้องกันสมองเสื่อม ผู้สูงอายุป้องกันสมองเสื่อม ผู้สูงอายุ

 

 

 

ผู้สูงวัยบางท่านก็อาจเจอโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาได้ด้วย ดังนั้นหากมีการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคต่างๆได้ด้วยเช่นกัน จึงอยากให้ลูกหลานใส่ใจดูแลท่านให้มากขึ้น เพื่อให้ท่านมีสุขภาพกายและใจที่ดีและจะได้อยู่กับเราไปนานๆ นั่นเองครับ

 

 

แก้ไข

20/06/2566