วิธีทานยาที่ถูกต้อง ได้ผลดี และไม่เป็นอันตราย!

March 29 / 2023

 

วิธีทานยาที่ถูกต้อง ได้ผลดี และไม่เป็นอันตราย!

 

 

 

ปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตของมนุษย์นั้นประกอบด้วย อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค โดยเฉพาะยารักษาโรคที่ทำให้ชีวิตมนุษย์เรายืนยาวขึ้นกว่าเดิม แต่การกินยาต้องมีข้อจำกัด และต้องกินอย่างระมัดระวัง หรือตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น เราจะกินยาตามใจตัวเองไม่ได้ เพราะยาแต่ละชนิดล้วนแล้วแต่มีผลข้างเคียงมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป ซึ่งการกินยาไม่ระมัดระวังอาจจะเป็นอันตรายหรือในกรณีที่รุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต

 

 

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจการทานยาก่อนว่าอาการเจ็บป่วยบางสาเหตุที่รักษาไม่หายนั้นบางครั้งขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้ป่วยเองเพราะบางคนมักจะหลีกเลี่ยงการทานยาด้วยความไม่ชอบ หรือไม่ได้มีความเอาใจใส่มากพอที่จะทานยาให้ตรงเวลาหรือทานให้ติดต่อกันเพื่อครบโดสของยาในการรักษา หรือการไม่ไปพบแพทย์เพื่อรับยาอย่างต่อเนื่องก็เป็นสาเหตุที่จะทำให้โรคภัยต่าง ๆ ลุกลามและรักษาหายยากมากขี้น

 

ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จักการใช้ยาที่ถูกต้องซึ่งก็จะทำให้การรักษาไม่ได้ผลเช่นกัน และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด “อันตราย” จึงควรใช้ยาให้ถูกหลักการ คือ

 

 

  • ใช้ยาให้ถูกโรค คือใช้ยาให้ตรงกับโรคที่เป็นควรจะให้แพทย์หรือเภสัชกรเป็นผู้จัดให้ เราไม่ควรซื้อยาหรือใช้ยาตามคำบอกเล่าของคนอื่น หรือหลงเชื่อคำโฆษณาต่างๆ เพราะหากใช้ยาไม่ถูกกับโรคอาจทำให้ได้รับอันตรายจากยานั้นได้หรือไม่ได้ผลในรักษา และยังอาจเกิดโรคอื่นๆ แทรกซ้อนได้
     
  • ใช้ยาให้ถูกคน คือต้องดูให้ละเอียดก่อนใช้ยาว่ายาชนิดใดใช้กับใคร เพศ อายุ เพราะอวัยวะต่าง ๆ

ในร่างกายของคนแต่ละเพศแต่ละวัยมีความแตกต่างกัน รวมถึงสตรีมีครรภ์ก็ต้องคำนึงถึงทารกในครรภ์ด้วย เพราะยาหลายชนิดสามารถผ่านจากแม่ไปสู่เด็กในครรภ์ได้อาจมีผลทำให้เด็กที่คลอดออกมาพิการ การใช้ยาในสตรีมีครรภ์จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษต่อม
 

  • ใช้ยาให้ถูกเวลา คือช่วงเวลาในการทานยา หรือการนำยาเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อให้ปริมาณยาในกระแสเลือดมีมากพอ ในการรักษาโดยไม่เกิดพิษและไม่น้อยเกินไปจนไม่สามารถรักษาโรคได้
     
  • ใช้ยาให้ถูกวิธี เนื่องจากการนำยาเข้าสู่ร่างกายมีหลายวิธี เช่นการกิน การฉีด ซึ่งการใช้วิธีใดก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของยานั้นๆ ดังนั้นก่อนใช้ยาต้องอ่านฉลากแนะนำการใช้ก่อนทุกครั้ง เช่น

 

 

* ยาก่อนอาหาร ควรทานในช่วงที่ท้องว่างยังไม่ได้ทานอาหาร ซึ่งก็คือก่อนทานอาหารอย่างน้อย 30 นาที ยกเว้นยาบางตัวที่แนะนำให้ทานก่อนอาหารอย่างน้อย 15 นาที ถ้าลืมทานยาก่อนอาหาร ควรข้ามยามื้อที่ลืมไป เพราะยาจะถูกทำลายหรืออาหารอาจลดการดูดซึมของยา

* ยาหลังอาหาร ควรทานหลังอาหารไม่เกิน 15-30 นาที แต่ถ้าลืมทานยาหลังอาหาร สามารถทานยาได้ทันทีที่นึกได้ แต่ถ้านึกได้หลังจากทานอาหารมากกว่า 30 นาทีแล้ว ควรทานหลังอาหารในมื้อถัดไปแทน หรืออาจทานอาหารมื้อย่อยแทนมื้อหลักก่อนทานยาก็ได้ กรณีที่ยานั้นมีความสำคัญมาก

* ยาหลังอาหารทันที ควรทานหลังอาหารทันที อาจทานพร้อมอาหารอคำแรกก็ได้ เนื่องจากยามีผลข้างเคียงที่สำคัญคือระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน การทานพร้อมหรือหลังอาหารทันทีจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้

* ยาก่อนนอน ยาที่แนะนำให้ทานก่อนนอนมีหลายประเภท แต่โดยทั่วไป ควรทานก่อนนอน 15-30 นาที ถ้าลืมทานยาก่อนนอน มักนึกได้เมื่อถึงเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว ไม่ควรทานยานั้นอีก ควรรอให้ถึงเวลาก่อนเข้านอนในคืนถัดไป ค่อยทานยานั้น

* ยาที่ต้องทานทุกวัน ควรทานเวลาใกล้เคียงกันทุกวัน ยาบางชนิดที่รักษาโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง โรคหัวใจ ที่ต้องทานทุกวัน ควรทานเวลาเดียวกัน เพราะฤทธิ์ของยานั้นจะครอบคลุม 12-24 ชั่วโมงแล้วแต่โดสของยา จึงควรทานยาให้ตรงเวลาทุกวัน เพื่อไม่ให้ฤทธิ์ยาทับกัน หรือฤทธิ์ยานั้นห่างกันเกินไป โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตที่ควรกินในเวลาเดียวกันทุกวันหรือห่างไม่เกินบวกลบ 30 นาที เพราะความดันขึ้นๆ ลงๆ จะเป็นอันตรายค่อนข้างมาก หากลืมทานยาเกิน 2-3 ชั่วโมงเป็นแล้วควรเว้นวันนั้นไปเลยดีกว่า

* ยาทานเมื่อมีอาการ ควรทานเมื่อมีอาการ หากไม่มีอาการก็ไม่จำเป็นต้องทานยา ยาในกลุ่มนี้ มักระบุในฉลากว่าทานทุกกี่ชั่วโมงเวลามีอาการ เช่น ทุก 8 ชั่วโมง หรือทุก 12 ชั่วโมง เวลามีอาการ เป็นต้น เมื่อมีอาการสามารถทานยาได้เลย ไม่ต้องคำนึงถึงมื้ออาหาร เนื่องจากไม่ว่าจะทานอาหารหรือไม่ ก็ไม่ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หลังทานยาแล้วถ้ายังมีอาการอยู่สามารถทานยาซ้ำได้ ตามระยะเวลาที่ระบุไว้บนฉลาก เมื่อหายแล้วสามารถหยุดยาได้เลย

 

 

การกินยาไม่ระมัดระวัง อาจจะเป็นอันตรายหรือในกรณีที่รุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต

 

 

แก้ไข

29/03/2566