เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
“สามี-ภรรยา นักออกกำลังกาย” มาตรวจสุขภาพตามช่วงวัยรวมทั้งหัวใจ
คุณหมอตรวจพบความผิดปกติ พร้อมให้หลักการไปปฏิบัติได้ผลดีจริง
ตรวจสุขภาพตามช่วงวัยแล้วพบว่า EKG ผิดปกติ
“คุณนรินทร์ เย็นธนกรณ์” “...ผมพยายามเจาะจงเลือกโปรแกรมตรวจสุขภาพตามช่วงวัยให้ครอบคลุมเรื่องหัวใจ กับมะเร็ง คือตรวจเพิ่มให้ได้มากที่สุดเพราะสิ้นปีนี้อายุถึง 40 และรู้สึกว่าเป็นช่วงที่ร่างกายน่าจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจึงต้องพยายามตรวจเช็คให้ได้มากที่สุดครับ ถ้าเรื่องไหนกังวลเป็นพิเศษก็อาจจะขอตรวจเพิ่ม อย่างคลื่นไฟฟ้าหัวใจเวลาไปตรวจสุขภาพทั่วไปก็ปรากฎว่า EKG มีความผิดปกติเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ได้เห็นว่าควรต้องไปคุยกับหมอหัวใจอยู่ดีไม่อย่างนั้นก็คงรู้สึกหงุดหงิดนิดนึง เพราะในเมื่อผลมันไม่ค่อยดีก็ต้องรีบเคลียร์ ซึ่งพอหมอบอกว่าผลของหัวใจไม่ได้แย่ หรือรุนแรงก็ค่อยไปแก้เรื่องอื่นกัน แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย 100 % เพราะว่าถ้าตรวจแล้วเกิดค่าอย่างอื่นไม่ดีก็อาจจะมีผล เราก็ต้องหาทางสร้างสมดุลให้มันดีทุกอย่าง...”
หมอหัวใจให้คำอธิบายเรื่องผล EKG เพราะมีสาเหตุ พร้อมให้คำแนะนำ
“พญ.บัณฑิตา พงษ์ตัณฑกุลแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ” ประจำ “รพ.รามคำแหง” อธิบายเกี่ยวกับผล EKG ที่ผิดปกติเล็กน้อยนั้นเป็นเพราะมีกล้ามเนื้อหัวใจหนาอันเป็นผลจากความดันโลหิตสูงที่ยังไม่สามารถคุมให้อยู่ในเกณฑ์ได้จึงแนะนำวิธีคุมความดันให้ และจากนั้นคุณหมอได้ให้เข้ารับการทดสอบด้วยการวิ่งสายพานเนื่องจากทั้งความดันโลหิตสูง ระดับไขมันในเลือดสูง กับภาวะน้ำหนักตัวมากเกินไปล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจเส้นเลือดหัวใจตีบ แต่เมื่อดูผลจากการวิ่งสายพานแล้วยังไม่แสดงถึงปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ คุณหมอจึงได้เน้นให้คุมความดันให้ดีขึ้นเพราะเป็นเรื่องที่มีผลต่อหัวใจมากกว่า ทั้งนี้ได้มีการประเมินองค์ประกอบจำเพาะเรื่อง “น้ำหนักตัว” ว่าน่าจะเหมาะกับการออกกำลังกายประเภทใด แต่ที่น่าจะต้องลองดูกันก่อนคือ “การลดน้ำหนัก” เพราะคุณหมอมองว่าหากน้ำหนักลดลงแล้วค่าทุกอย่างดีขึ้นก็จะได้ไม่ต้องไปทำอะไรอย่างอื่นมากนัก และเริ่มต้นด้วยการลดน้ำหนักโดยจัดให้ “นักกำหนดอาหาร” มาให้คำแนะนำเรื่องอาหารการกินว่าควรเป็นอย่างไร ต้องทานอาหารอย่างไร รวมทั้งปริมาณต่อวัน จากนั้นคุณหมอได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายว่าจะต้อง “คาร์ดิโอ” คือทำให้หัวใจเต้นในอัตรา 120 ครั้งต่อนาทีวันละประมาณกี่นาที หากเป็นการออกกำลังเพื่อลดน้ำหนักจะต้องใช้เวลาเท่าใดในช่วงเดือนแรกหลังจากที่ไปลองทำครบ 1 เดือนแล้วได้กลับมาติดตามผลพบว่า
หลังจากปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอหัวใจผลลัพธ์ดีขึ้นทันที
“...ผลตรวจค่าเลือดค่าดีขึ้นทุกตัว แม้ว่าอาจจะยังไม่ถึงกับผ่านเกณฑ์แต่ก็เห็นสัญญาณได้ค่อนข้างชัดเจนว่า “คอเลสเตอรอล” ลดลง “ไขมันพอกตับ” ที่มีอยู่ก่อนก็ลดค่า “ไขมันเลว” ก็ลดลงขณะที่ “ความดันโลหิต” ก็ควบคุมได้ดีขึ้น ลดยาได้ก็จะได้ทำอย่างอื่นต่อไป แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงทำแบบเดิมก็คือเน้นเรื่องของการออกกำลังกายแล้วก็ควบคุมอาหารเพราะเห็นชัดเจนว่า เดือนแรกน้ำหนักหายไปประมาณ 4 กิโลจริงๆ แล้วพอผ่านไป 2 เดือนค่าทุกอย่างเกือบจะเป็นปกติหมดแล้ว ยาก็แทบจะลดไปครึ่งๆ เลย และเมื่อนับเวลามา 4 เดือนตั้งแต่เริ่ม โดยส่วนตัวก็รู้สึกได้ว่าการที่เราออกกำลังกายมาทุกเดือนทำให้รู้สึกว่า เวลาเราวิ่ง เดิน อุ้มลูกจะรู้สึกว่าเหนื่อยยากขึ้น วิ่งได้ต่อเนื่องมากขึ้น เดินเร็วได้มากขึ้นต่างจากช่วงเดือนแรกมากเลย ตอนนี้รู้สึกว่าร่างกายเราแข็งแรงขึ้นมากเลยครับ...”
เมื่อสุขภาพเราดีแล้วก็ชวนคนข้างกายมาออกกำลังด้วย
ต่อมาก็ได้ชวนภรรยา “คุณสุขฤทัย” ไปออกกำลังกายด้วยเพื่อให้แข็งแรง คือเมื่อก่อนเรา 2 คนเคยวิ่งมาราธอนด้วยกัน จึงรู้สึกว่าถ้าสุขภาพแข็งแรงดีทั้งคู่มันก็เป็นกิจกรรมที่เราทำคู่กันได้ดี พอเขาเห็นผมออกกำลังกายเยอะๆ ก็อยากออกกำลังกายด้วยเพราะอยากจะแข็งแรงเหมือนตอนสมัยก่อนมีลูก...ผมคิดว่าได้คุยกันสื่อสารกันภายในครอบครัวก็เป็นการสร้างแรงจูงใจให้กันและกันได้ ทั้งยังช่วยผลักดันให้ไปได้ด้วยดีทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้การลดความอ้วนไม่ได้ยากขนาดนั้นและถ้าทุกคนในบ้านเข้าใจก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อสุขภาพดีก็จะทำให้อยู่กับลูกไปได้นานๆ แก่ตัวไปลูกก็ไม่ต้องมาดูแลเรา หรือผมกับภรรยาจะไปเที่ยวไหนก็ไม่ต้องพึ่งลูกเพราะร่างกายเราแข็งแรงครับ...”
ฝากถึงคนที่อยากมีสุขภาพแข็งแรงต้องทำอย่างไร?
“คุณสุขฤทัย” ก่อนหน้านี้ที่ออกกำลังกายมาตลอดทั้งของสามีและเราเป็นการออกแบบที่ว่านึกฮึดขึ้นมาทีก็ทำทีหนึ่ง พอผ่านไปเดือนสองเดือนก็เริ่มหย่อนเริ่มมีเหตุผลโน่นนี่มาทำให้ไม่ไปออกกำลังกายแล้ว แต่รอบนี้ตั้งใจจะออกกำลังกายไม่ให้ตึงนักแต่ก็จะออกตลอดไปโดยจะพยายามออกให้ได้แบบนี้ประมาณนี้ตลอดไป และคิดว่าจะไปทดสอบสมรรถภาพทางร่ายกายด้วย VO2 max ด้วยค่ะ ขอฝากถึงทุกคนที่อาจจะมีลูกแล้วหรือยังไม่มีก็ตาม คือเราใช้ร่างกายมาทุกวันทั้งวันมาตลอดไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ยังใช้ไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเราเอาแต่ใช้โดยไม่ดูแลสักวันหนึ่งเราก็จะแย่และแก้ไม่ทัน แต่ถ้าเราคอยดูแลคอยเช็ค คอยทบทวนหน่อยว่าช่วงนี้กินอาหารไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเยอะไปไหม ออกกำลังกายน้อยไปไหม ก็อยากให้หันมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายใช้ได้ดีๆ และอยู่กับเรานาน ๆ ค่ะ...”
หมอหัวใจชวนมาเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างถูกต้องกันเถอะ
“พญ.บัณฑิตา พงษ์ตัณฑกุลแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ” แนะนำว่า การเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างถูกต้องคือการตั้งเป้าหมายว่าต้องการออกกำลังกายเพื่ออะไร เช่น เพื่อสุขภาพแข็งแรง เพื่อลดน้ำหนักรักษารูปร่างเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพให้ดีขึ้นจากโรค โดยควรพิจารณาร่วมกับการควบคุมโรคประจำตัวและการคุมอาหารให้ถูกต้อง เพื่อนำมาวางแผนการออกกำลังกาย โดยอาศัยหลักการ FITT ซึ่งอักษรแต่ละตัวมีความหมายดังนี้คือ
การให้ weight/resistance band เหมาะสมจะเกิดความปลอดภัยและเกิดประโยชน์ตามเป้าหมายของการออกกำลังกายอย่างแท้จริงโดยแผนการออกกำลังกายของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับร่างกาย อายุ เพศ โรคประจำตัว น้ำหนัก เป้าหมายของการออกกำลังกาย การประเมินวางแผนตรวจก่อน-หลังการออกกำลังกาย เช่น การเดินสายพาน VO2 max การใช้อุปกรณ์ Gadget ต่างๆ ในการออกกำลังกายซึ่งทั้งหลายเหล่านี้ หมอสามารถแนะนำและปรับเปลี่ยนรายละเอียดของการประเมินที่ได้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการออกกำลังกายที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุดค่ะ...”
แก้ไข
08/08/2565
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th