เล่าประสบการณ์การผ่าตัดรักษามะเร็งเพดานจมูกและฐานกะโหลก

February 27 / 2024

 

คุณนิสา วงษ์วิชา เล่าประสบการณ์การผ่าตัดรักษามะเร็งเพดานจมูก

และฐานกะโหลก กับโรงพยาบาลรามคำแหง

 

 

“ในระยะเวลา 7-8 เดือน เริ่มจากคัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คิดว่าเป็น “ภูมิแพ้”

 

 

 

เริ่มจากคัดจมูก 1 ข้าง เป็น 2 ข้าง จนต่อมาหายใจไม่ได้เลย และเริ่มเห็นก้อนโผล่ออกมาที่จมูก ต้องหายใจทางปากตลอด แต่ก็รักษามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งมีเลือดออกทางจมูกด้านขวาเพราะด้านซ้ายจมูกตัน แล้วก็ออกลำคอ ไหลออก ๆ ทั้งวันไม่หยุด เลยไปโรงพยาบาลต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง เพราะมีประกันสังคมอยู่ที่นั่น หมอตรวจแล้วก็ส่งตัวไปโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เพื่อเอาก้อนเนื้อจากจมูกไปตรวจ พอผลตรวจออกมาว่าเป็นมะเร็ง และลามขึ้นสมองแล้วเขาไม่สามารถผ่าได้ก็เลยส่งมาที่โรงพยาบาลรามคำแหง เพราะทีมแพทย์พร้อม เครื่องมือพร้อม เห็นคุณหมอบอกว่าเนื้องอกของคุณใหญ่มากอาจต้องใช้เวลาในการผ่าตัดนาน ถามว่ากลัวไหม ก็กลัวนะ เราก็ไม่กล้านอนกลัวหายใจไม่ออก ต้องขอจับมือคุณพยาบาลให้เฝ้าจนนอนหลับ... ซึ่งการผ่าตัดก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ต้องขอบคุณคุณหมอทุก ๆ ท่าน พญ.ธัญรดา เลี่ยมเส้ง (แพทย์เจ้าของไข้) นพ. ภูริปัณย์ อร่ามวัฒนพงศ์ และนพ.นภสินธุ์ เถกิงเดช ที่ช่วยกันผ่าตัดรักษาในครั้งนี้ค่ะ

 

 

 

พญ.ธัญรดา เลี่ยมเส้ง

แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา

 


“ พญ.ธัญรดา เลี่ยมเส้ง แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา ” ให้ข้อมูลตั้งแต่รับตัวมาว่า เมื่อมาถึงก็เห็นก้อนเต็มจมูกแล้ว ซักประวัติแล้วบอกว่าเป็นเหมือนมีน้ำมูกไหลเรื้อรังมา 7-8 เดือนแล้ว ปวดหัวไม่มาก แต่ลุกนั่งแล้ววูบ ไปตรวจที่คลินิกวินิจฉัยว่าเป็นไมเกรนกับภูมิแพ้ฉับพลัน ก็ได้รักษาแบบนี้มาตลอด อาการก็ทรง ๆ แล้ว เริ่มเหนื่อยขึ้นหายใจหอบหายใจไม่สะดวกก็วินิจฉัยว่าเป็นหอบหืด ภูมิแพ้ฉับพลัน ไมเกรน จนผ่านไปประมาณ 3-5 เดือนก็มีก้อนโผล่ที่จมูกอีก สักพักต่อมาก็เลือดออก จึงไปที่โรงพยาบาลประกันสังคม คนไข้ได้นอนโรงพยาบาลเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเลือดออกเยอะ ก็รักษาอาการอักเสบแล้วถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ก็ได้แค่ทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจให้ ผลปรากฏว่าเป็นมะเร็งของเพดานจมูกและฐานกะโหลก ซึ่งขั้นตอนการรักษาค่อนข้างยากจริง ๆ ที่ว่ายากอย่างแรก คือ ก้อนมันใหญ่มาก และต้องใช้แพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ อย่างที่สอง คือความพร้อมและศักยภาพของโรงพยาบาลและหลังผ่าตัด ต้องมีทีมดูแล ทีมอายุรกรรม ทีม ICU และทีมผ่าตัด เพราะก้อนมันใหญ่มากประมาณ 10 ซ.ม.ค่ะ

 

 

 

นพ.ภูริปัณย์ อร่ามวัฒนพงศ์

แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา และมะเร็งศีรษะและคอ

 

 

“นพ.ภูริปัณย์ อร่ามวัฒนพงศ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้าน โสต ศอ นาสิกวิทยา และมะเร็งศีรษะและคอ” เคสนี้ถือว่าเป็นเคสที่ค่อนข้างยาก เพราะว่าก้อนเต็มจมูกแน่นมากทั้ง 2 ข้าง และทำลายผนังกั้นจมูกที่อยู่ตรงกลาง ก้อนทะลุฐานกะโหลกเข้าสู่สมอง มิหนำซ้ำยังติดกับเนื้อสมองด้วย ไม่ใช่ทะลุเข้าไปอย่างเดียว แบบเคสทั่ว ๆ ไป ก้อนเบียดเบ้าตาทั้ง 2 ข้าง ซึ่งก้อนติดเส้นประสาทจอตาทางด้านหลัง และก้อนติดเส้นเลือดแดงใหญ่ของสมอง โดยก้อนมีเลือดมาเลี้ยงค่อนข้างมาก จากประวัติที่คนไข้ให้ไว้ว่าอยู่ดี ๆ ก็มีเลือดไหลออกมาจนต้องไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าต้องให้เลือดไป 8 ถุง ก็มากอยู่ขนาดยังไม่ได้รับการผ่าตัดนะครับ.. หลักการรักษาในผู้ป่วยรายนี้จึงต้องวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน วางแผนทุกขั้นตอน จึงมีการวางแผนร่วมกัน ระหว่างแผนก โสต ศอ นาสิกวิทยา แผนกศัลยกรรมระบบประสาท โดย “นพ.นภสินธุ์ เถกิงเดช แพทย์ผู้ชำนาญการด้านประสาทศัลยศาสตร์” ในการผ่าตัด เพื่อเอาเนื้องอกมะเร็งฐานกะโหลกเคสนี้ออก โดยจุดประสงค์ของการผ่าตัด คือการกำจัดเนื้องอกออกให้หมดเพื่อรักษาชีวิตของคนไข้เอาไว้ให้ได้ โดยที่ไม่ทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่ของสมองที่อยู่ด้านหลังของก้อนเนื้องอกฉีกขาด รักษาการมองเห็นของคนไข้ให้ดีดังเดิมและซ่อมแซมฐานกะโหลกศีรษะเพื่อไม่ให้เกิดภาวะน้ำในสมองรั่วออกมาทางจมูกหลังผ่าตัด


ขั้นตอนการผ่าตัดของทีมแพทย์ผู้ผ่าตัดประกอบด้วย ศัลยแพทย์ระบบประสาท จะผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะเพื่อเข้าไปเลาะเอาเนื้อร้ายออกจากสมอง เส้นประสาทจอตา และเส้นเลือดแดงใหญ่ของสมอง และเลาะลงข้างล่างมาบริเวณฐานสมองที่จะเข้าสู่โพรงจมูก ศัลยแพทย์โสต คอ นาสิกวิทยา จะผ่าตัดผ่านกล้องเข้าทางจมูกเพื่อเลาะเอาเนื้อร้ายออกจากในโพรงจมูก บริเวณที่ติดเบ้าตา 2 ข้าง และเลาะออกจากบริเวณที่ติดกับเส้นประสาทจอตา และเส้นเลือดแดงใหญ่ของสมองด้านหลังของก้อน และขึ้นสู่สมอง สุดท้ายก็มาเจอกันที่ฐานกะโหลกเหมือนกับการขุดอุโมงค์จาก 2 ฝั่ง แล้วมาเจอกันตรงกลาง ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ ความชำนาญ ความคุ้นเคย และเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อที่จะทำให้อุโมงค์จาก 2 ฝั่งต่อเชื่อมกันได้สำเร็จลุล่วงอย่างราบรื่น

 

 

 

 

 

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นถือว่าคุ้มมาก โดยที่ทางทีมแพทย์ผ่าตัดเราใช้ความพยายามทั้งหมดประมาณ 10 กว่าชม. ในการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อมะเร็งออกมาทั้งหมด รักษาการมองเห็นของคนไข้ให้ได้ดีเหมือนก่อนผ่าตัด รวมทั้งซ่อมแซมฐานกะโหลกศีรษะให้คนไข้ได้อย่างสมบูรณ์ โดยที่ไม่มีน้ำในสมองรั่วไหลออกมาจากจมูกหลังผ่าตัด คนไข้นอนพักรักษาตัวราว 10 วัน ก็สามารถเดินกลับบ้านได้อย่างปกติ โดยที่หลังผ่าตัดคนไข้กลับมาหายใจได้โล่งอีกครั้ง พูดคุย กินข้าว ไม่มีแขนขาอ่อนแรง สายตามองชัด หน้าตา กะโหลกศีรษะ ใบหน้า ก็ดูสวยปกติเช่นเดิม

 

 

 

นพ.นภสินธุ์ เถกิงเดช

ประสาทศัลยศาสตร์

 

 

“คุณหมอนภสินธุ์” ยังได้ย้ำอีกว่า เคสนี้ยากจริงครับ เพราะตัวเนื้องอกนอกจากติดกับอวัยวะสำคัญดังที่กล่าวไว้แล้ว บางส่วนยังกินเข้าไปในเนื้อสมองส่วนดี ทำให้การผ่าตัดต้องใจเย็นมากกว่าปกติ เนื่องจากต้องค่อย ๆ เลาะส่วนของเนื้อร้ายออกมาเพื่อให้ตัวสมองเองไม่บอบช้ำ แถมสุดท้ายยังต้องเลาะเอาเนื้อเยื่อที่ต้นขามาใช้สำหรับปิดส่วนเชื่อมระหว่างสมองกับโพรงจมูกอีก แต่ที่สำคัญที่สุดเคสนี้จะยากกว่านี้อีกมาก หากไม่สามารถร่วมกันทำการผ่าตัดโดยใช้ประสบการณ์และความชำนาญของทั้ง 2 แผนกได้ เพราะว่าเนื้อร้ายนั้นกัดกินอยู่ทั้งในสมองและโพรงจมูก ซึ่งต้องอาศัยการผ่าตัดแบบ “แท็กทีม” นับว่าเป็นโชคดีของคนไข้ที่ปกติผมกับคุณหมอภูริปัณย์ มีพื้นฐานจากการร่วมกันผ่าตัดรักษาคนไข้ที่เป็นเนื้องอกในสมองส่วนที่ติดกับฐานกะโหลกศีรษะอยู่เป็นประจำเลยสามารถทำงานสอดประสานกันได้เป็นอย่างดี จึงช่วยให้การผ่าตัดเคสยากเคสนี้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดีตามแผนครับ

 

 

แก้ไข

18/04/2565