ทำไม..ถึงไอเรื้อรัง ทำอย่างไรถึงจะหาย?

November 14 / 2022

 

ทำไม..ถึงไอเรื้อรัง ทำอย่างไรถึงจะหาย?

 

 

ไอเรื้อรัง (Chronic Cough) คือ อาการไอที่เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน โดยผู้ใหญ่มักจะมีอาการติดต่อกันเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ขึ้นไปและเด็กจะมีอาการติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ขึ้นไป ไอเรื้อรังเป็นอาการที่ไม่ใช่โรค ซึ่งมีสาเหตุจากปัจจัยหรือปัญทางสุขภาพต่าง ๆ เช่น สูบบุหรี่ น้ำมูกหรือเสมหะไหลลงคอ โรคหืด และโรคกรดไหลย้อน โดยเมื่อโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุได้รับการรักษาให้หายเป็นปกติ อาการไอเรื้อรังก็จะหายไป

 

 

ไอเรื้อรัง เกิดจากอะไร?

 

อาการไอเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • การรับประทานยารักษาความดันโลหิตสูงกลุ่ม (ACE inhibitors) เป็นระยะเวลานาน
  • โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง แล้วมีน้ำมูกไหลลงคอ
  • การใช้เสียงมาก ทำให้เกิดสายเสียงอักเสบเรื้อรัง
  • เนื้องอกบริเวณคอ กล่องเสียง หรือหลอดลม
  • หลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  • โรคหืด
  • วัณโรคปอด
  • โรคกรดไหลย้อน

 

 

 

ไอแบบไหนควรไปพบแพทย์?

 

  • ไอติดต่อกันมากกว่า 8 สัปดาห์
  • อาการไอรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
  • อาการไอที่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีเลือดปน น้ำหนักลด เบื่ออาหาร หอบเหนื่อย อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก
  • ไอมีเลือดปนเสมหะ
  • ไอจากการที่เคยสัมผัสกับผู้ป่วยวัณโรค หรืออยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยวัณโรค
  • มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไต หัวใจ เมื่อมีอาการไอควรรีบมาพบแพทย์

 

 

 

ไอเรื้อรัง รักษาอย่างไร?

 

 การรักษาอาการไอเรื้อรังที่สำคัญที่สุด คือ การหาสาเหตุของอาการไอและรักษาตามสาเหตุนั้นๆ นอกจากนี้ การปฏิบัติตัวในขณะที่มีอาการไออย่างถูกต้อง ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นหรือไม่แย่ลง โดยสิ่งที่ผู้ป่วยควรปฏิบัติในขณะที่มีอาการไอ ได้แก่

 

  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้ไอมากขึ้น เช่น สารก่ออาการระคายเคือง ฝุ่น สารเคมี ควันบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมโดยตรง เนื่องจากอากาศที่เย็นสามารถกระตุ้นหลอดลมให้เกิดการหดตัวทำให้มีอาการไอมากขึ้นได้
  • ผู้ที่สูบบุหรี่ควรหลีกเลี่ยงหรืองดการสูบบุหรี่
  • ควรให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้เพียงพอขณะนอน เช่น นอนห่มผ้า
  • ถ้าหากอาการไอมีไม่มาก อาจให้การรักษาเบื้องต้นโดยการรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการไอ กรณีที่มีเสมหะร่วมด้วย ควรได้รับยาละลายเสมหะ เพื่อให้เสมหะที่เหนียวข้นมากขับออกจากหลอดลมได้ง่าย แต่หากผู้ป่วยได้รับยาดังกล่าวแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุ

 

 

 

 

ถ้าหากไอไม่มาก รักษาได้โดยการทานยาเพื่อบรรเทาอาการไอ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาตามอาการ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไต หัวใจ เมื่อมีอาการไอควรรีบมาพบแพทย์

 

 

นัดพบแพทย์คลิก

นพ.สุรศักดิ์ กึงฮะกิจ

หู คอ จมูก

 

 

แก้ไข

21/03/2565