โรคลมพิษ โรคที่มีอาการผื่นคัน เป็นโรคใกล้ตัวที่ไม่ธรรมดา

December 09 / 2024

 

 

 

โรคลมพิษ โรคใกล้ตัวที่ไม่ธรรมดา

 

 

 

 

     ลมพิษ (Urticaria) คือผื่นคันบนผิวหนังซึ่งพบบ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะช่วงอายุ 20-40 ปี เมื่อเป็นโรคลมพิษมักแสดงอาการเป็นผื่นหรือปื้นนูนแดง คันมาก ไม่มีขุยและเกิดได้บนทุกส่วนในร่างกาย โดยมากมักเป็นไม่เกิน 24 ชั่วโมง จนผื่นค่อย ๆ จางหายไปแล้วขึ้นใหม่ ขึ้นๆยุบๆ บางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นปวดท้อง แน่นจมูก หายใจติดขัด หรือบางรายอาจมีอาการรุนแรงมาก ถึงขั้นเสียชีวิต

 

 

ลมพิษแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ตามระยะเวลาและสาเหตุ

  • ลมพิษชนิดเฉียบพลัน (Acute Urticaria) ลมพิษที่เกิดขึ้นมาและหายไปได้เองอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะหายไปเองภายในเวลา 2 สัปดาห์ หรือในรายที่เป็นนานก็จะเป็นติดต่อกันไม่เกิน 6 สัปดาห์
  • ลมพิษชนิดเรื้อรัง (Chronic Urticaria) มีอาการลมพิษ เป็นๆหายๆ ต่อเนื่องกันเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไปโดยส่วนใหญ่ลมพิษชนิดเรื้อรังจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาการของลมพิษจะทำให้เกิดความรำคาญหรือความไม่สบายตัว ซึ่งส่งผลต่อการดำรงชีวิตหรือการนอนหลับของผู้เป็นลมพิษได้

 

 

อาการของโรคลมพิษ

     มีผื่นขึ้นเป็นลักษณะนูนแดง บวม เป็นปื้นจนเห็นขอบเขตได้ชัด มีรูปร่างกลม หรือมีขอบหยักโค้ง บริเวณผื่นจะรู้สึกคัน อาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ปวดท้อง อาเจียน และแสบร้อนบริเวณผิวหนังร่วมด้วย

 

 

 

 

โรคลมพิษ

 

 

 

 

สาเหตุของโรคลมพิษ

     โรคลมพิษเกิดได้จากหลายสาเหตุโดยเมื่อร่างกายมีปฎิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ ร่างกายปล่อยสาร "ฮีสตามีน (Histamine)" และสารอื่นๆ เข้าสู่กระแสเลือดเป็นจำนวนมาก ทำให้หลอดเลือดฝอยขยายตัวมีพลาสมาหรือน้ำเลือดซึมออกมาในผิวหนัง จนทำให้เกิดผื่นนูนแดงที่ผิวหนังขึ้น สาเหตุของลมพิษเฉียบพลันและลมพิษเรื้อรังแตกต่างกันโดย

 

  • ลมพิษเฉียบพลัน 50% ของผู้ป่วยเกิดจากการแพ้อาหาร แพ้ยา แมลงสัตว์กัดต่อยและเป็นตามหลังการติดเชื้อติอีก 50% ยังไม่ทราบสาเหตุ
  • ลมพิษเรื้อรังสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของผิวหนังของผู้ป่วยมีความไวต่อการถูกกระตุ้นด้วยการเสียดสี การขีดข่วนการกดทับ ความร้อน ความเย็น การออกกำลังกาย แสงแดด ความเครียด อดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ มีอีก 10-20% ที่จะสัมพันธ์กับโรคติดเชื้อ เช่น ฟันผุ ไซนัสอักเสบ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ติดเชื้อพยาธิ และโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง โรคภูมิคุ้มกันทำลายต่อมไทรอยด์

 

 

 

 

โรคลมพิษ

 

 

ทำอย่างไรเมื่อเป็นผื่นลมพิษ

  • หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นลมพิษ ถ้าทราบหรือรักษาสาเหตุที่พบ
  • ใช้ยาต้านฮีสตามีนหรือยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ง่วง เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น
  • ดูแลผิวไม่ให้ผิวแห้งตึงจนเกินไป หมั่นทาครีมหรือโลชั่นที่ปราศจากน้ำหอม เพื่อลดความไวของผิวหนัง
  • อาจใช้โลชั่นเย็นทาบริเวณผื่นลมพิษเพื่อช่วยลดอาการคัน
  • ไม่แกะเกาผิวหนังเพราะอาจทำให้เกิดผิวหนังอักเสบได้

 

 

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

  • ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีที่อาการโรคลมพิษไม่หายไปภายใน 24 ชั่วโมง
  • ติดต่อแพทย์ทันทีที่อาการเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น
  • มีอาการปวดตามข้อ อ่อนเพลีย มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ และมีอาการเจ็บบริเวณผื่นร่วมด้วย
  • ลมพิษเฉียบพลันหากมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ปวดท้อง มีอาการหน้าบวม ตาบวม ปากบวม ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดอาการหลอดลมบวม อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
  • เมื่อรู้สึกวิตกกังวล ส่งผลต่อสุขภาพจิตและการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก