หลังวัย 40 ทำไม?.. กินอะไร ก็อ้วนง่ายจัง

January 30 / 2024

 

 

 

หลังวัย 40 ทำไม?.. กินอะไร ก็อ้วนง่ายจัง

 

 

 

 

 

 

เคยรู้สึกมั้ยว่า พออายุเริ่มมากขึ้น กินข้าวเท่าเดิมแต่ทำไม? น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางวันแค่หายใจยังอ้วนเลย ทั้งที่สมัยเป็นวัยรุ่นไม่เคยเป็นแบบนี้เลย!
 

ขออธิบายง่ายๆ ว่า สาเหตุหนึ่งเกิดจากการที่ระบบเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึม (Metabolism) มันเริ่มเสื่อมยังไงล่ะ โดยร่างกายจะมีระบบเผาผลาญดีที่สุดวัยไม่เกิน 40 ปี หลังจากนั้นกินอะไรก็จะอ้วนง่ายแล้ว

ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจกับคำว่า “ระบบเผาผลาญ” ที่เราเรียกกันว่าเมตาบอลิซึมกันก่อน ระบบนี้มันคือกระบวนการเคมีในร่างกายที่เปลี่ยนสารอาหารที่เรากินให้กลายเป็นพลังงานไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน หรือระบบอวัยวะในร่างกายก็ต้องใช้พลังงานทั้งสิ้น

 

เหมือนเราขับรถแล้วต้องเติมน้ำมัน เครื่องยนต์จะขับเคลื่อนได้ก็ต้องไปเผาน้ำมันจนกลายเป็นพลังงาน ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายก็คล้ายๆ กัน การเผาผลาญของคนก็เหมือนกับเครื่องยนต์ พอใช้ไปนานๆ เข้า มันก็เริ่มเสื่อมสภาพได้ ทำให้เผาผลาญได้ไม่เต็มที่เหมือนตอนเป็นวัยรุ่น

 


 

ซึ่งได้รับการวิจัยมาแล้วว่าระบบเผาผลาญของเราจะค่อยๆ เสื่อมลง 5% ทุก 10 ปี ตั้งแต่อายุเลยวัย 40 ปีไปแล้ว คือถ้าปล่อยไว้ไม่ทำอะไรเจ้าค่าเมตาบอลิซึมมันก็จะลดไปเรื่อยๆ กินเท่าเดิมแต่เพิ่มเติมคือน้ำหนักมากขึ้น พูดแบบบ้านๆ ก็คืออ้วนง่ายนั่นแหละ แต่ถ้าไม่อยากเป็นแบบนั้นก็พอมีวิธีชะลอไม่ให้มันเสื่อมลง ซึ่งวิธีซ่อมเมตาบอลิซึมหลักๆ มีอยู่ 2 อย่างคือ การทานอาหารและการออกกำลังกาย

 

 

อย่างเรื่องอาหาร ก็ต้องปรับพฤติกรรมกันหน่อย เลี่ยงของหวาน ของมัน ทานผักเยอะๆ ที่สำคัญต้องทานอาหารที่มีโปรตีนเพื่อเสริมกล้ามเนื้อด้วย พอมีกล้ามเนื้อมากขึ้นร่างกายก็ต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ยิ่งกล้ามเนื้อเยอะกว่าไขมันก็ยิ่งเผาผลาญเยอะ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สาวๆ เผาผลาญได้น้อยกว่า เพราะตัวเล็กกว่าเลยมีกล้ามเนื้อน้อยกว่าและมีส่วนที่เป็นไขมันเยอะกว่าผู้ชายนั่นเอง

 

อีกเรื่องที่เพิ่มเมตาบอลิซึมได้ก็คือการออกกำลังกาย เพราะจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานต่อวันให้ดียิ่งขึ้น ถ้าจะออกกำลังกายให้เพิ่มการเผาผลาญก็ควรต้องออกกำลังโดยให้หัวใจเต้นในอัตรา 60-70 % ของอัตราสูงสุด

 

คำนวนได้จากการเอาเลข 220-อายุปัจจุบัน จะได้ฮาร์ทเรทสูงสุด แล้วออกกำลังกายแค่ 60-70 %ของฮาร์ทเรทสูงสุด ซึ่งตัวเลขที่ให้ออกกำลังกายที่ได้เป็นตัวเลขค่าประมาณเท่านั้น ถ้าจะเอาชัวร์ๆ ว่าเราต้องออกกำลังกายสักเท่าไร เพื่อให้ฮาร์ทเรตอยู่ในช่วงเผาผลาญไขมัน หรือถ้าอยากจะเพิ่มเมตาบอลิซึมด้วยการออกกำลัง ก็ควรจะรู้ลิมิตตัวเองด้วยการตรวจ Vo2 Max และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาล อันนี้จะช่วยให้ได้ผลและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น



แถมข้อดีของการทำเทส Vo2 Max จะทำให้เรารู้โซนออกกำลังกายที่เพิ่มความฟิตได้ด้วย ช่วยให้การออกกำลังกายไปแล้วจะฟิตขึ้น อึดขึ้น วิ่งได้ไกลขึ้นอะไรแบบนี้... (คุณแข็งแรงหรือฟิตแค่ไหน? VO2 Max มีคำตอบด้วยเทคโนโลยี CPET วัดอัตราการเผาผลาญออกซิเจนของร่างกาย คลิกอ่าน >> https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/319

ดังนั่นใครที่อายุเกิน 40 ปีแล้วโปรดอย่านิ่งนอนใจ เพราะเมตาบอลิซึมมันเริ่มนับเวลาถอยหลังลดลงเรื่อยๆ แล้ว ฉะนั้นการออกกำลังกาย และเปลี่ยนพฤติกรรมการกินตั้งกะวันนี้คุ้มค่ากว่าการปล่อยให้อ้วน แล้วต้องจ่ายค่ารักษาโรคต่างๆ ที่หลังแน่นอน