โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) l โรงพยาบาลรามคำแหง

December 13 / 2023

 

โรคไบโพลาร์

 

โรคไบโพลาร์ หรือ Bipolar Disorder เป็นโรคที่ผู้ป่วยมีความผิดปกติของอารมณ์เด่นชัด โดยมีอารมณ์เศร้ามากผิดปกติ ร้องไห้ อ่อนเพลีย อยากตาย หรืออาจมีอารมณ์ดีมากผิดปกติ ครึกครื้น พูดมาก อยากทำหลายสิ่งหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ใช้ใจฟุ่มเฟือยผู้ป่วยอาจมีอาการเพียงด้านเดียว หรือทั้งสองด้านก็ได้

 

 สาเหตุของโรคไบโพลาร์

 

มีสาเหตุและปัจจัยเกี่ยวข้องหลายอย่างที่ทำให้เกิดโรคนี้ แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือมีสารเคมีบางอย่างในสมองผิดปกติไป ซึ่งอาการของโรคไบโพลาร์จะเกิดขึ้นเมื่อมีสารสื่อประสาทนอร์อะดรีนาลีน เซโรโทนิน และโดปามีน ในระดับที่ไม่สมดุลกัน ซึ่งจะทำให้มีอารมณ์ดีอยู่ในภาวะร่าเริงผิดปกติ และจะมีภาวะซึมเศร้า เบื่อหน่าย สลับกันไป นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุจากพันธุกรรม ผู้ป่วยไบโพลาร์มักมีญาติที่ป่วยเป็นโรคนี้หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางอารมณ์ โดยเฉพาะญาติสายตรง อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆ เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ป่วยได้รับแรงกระตุ้นจากปัจจัยภายนอกที่กระทบกระเทือนต่อสภาพจิตใจ เช่น ความผิดหวัง ความเสียใจอย่างรุนแรงหรือฉับพลัน การเจ็บป่วยทางร่างกาย เป็นต้น

 

อาการของโรคไบโพลาร์

 

ผู้ป่วยไบโพลาร์จะมีอารมณ์แปรปรวนสลับกันระหว่างอารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติ กับอารมณ์ซึมเศร้าผิดปกติโดยไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ใดๆในช่วงที่อารมณ์ซึมเศร้า ผู้ป่วยมักเบื่อหน่าย ท้อแท้ ไม่อยากทำอะไรอ่อนเพลีย มองทุกอย่างในแง่ลบ บางรายมีความคิดอยากตายซึ่งอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายจริงๆ ได้  สำหรับช่วงที่อารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติ ผู้ป่วยมักมีอาการดังต่อไปนี้ คือ

 

  • รู้สึกว่าตนมีความสำคัญหรือมีความสามารถมาก
  • นอนน้อยกว่าปกติมาก โดยไม่มีอาการเพลียหรือต้องการนอนเพิ่ม
  • พูดเร็ว พูดมาก พูดไม่ยอมหยุด
  • ความคิดแล่นเร็ว มีหลายความคิดเข้ามาในสมอง
  • สมาธิลดลง เปลี่ยนความสนใจ เปลี่ยนเรื่องพูดหรือทำอย่างรวดเร็ว ตอบสนองต่อสิ่งเร้าง่าย
  • มีกิจกรรมมากผิดปกติ อาจเป็นแผนการหรือลงมือกระทำจริงๆ แต่มักทำได้ไม่ดี
  • การตัดสินใจเสีย เช่น ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย ทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายหรือผิดกฎหมาย ไม่ยับยั้งชั่งใจในเรื่องเพศ

 

 

 

การรักษาไบโพลาร์

 

โรคไบโพลาร์สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาเป็นหลัก โดยแพทย์จะให้ยาทางจิตเวชเพื่อปรับสารสื่อประสาทและควบคุมอารณ์ พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคและยา รวมถึงการดูแลตนเองในด้านต่างๆ ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากอาการผิดปกติและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิมภายในเวลาประมาณ 2-8 สัปดาห์

สำหรับผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจแนะนำให้ทำจิตบำบัดร่วมด้วยเพื่อให้สามารถจัดการกับความเครียดได้ดียิ่งขึ้น และลดความขัดแย้งกับคนรอบข้างที่เป็นสาเหตุของความเครียดลง

 

การป้องกันและการดูแลตนเองเมื่อเป็น โรคไบโพลาร์

 

แม้ไม่มีวิธีป้องกันโรคไบโพลาร์อย่างได้ผลชัดเจน แต่สามารถป้องกันปัจจัยเสี่ยง และช่วยลดอาการรุนแรงของโรค รวมถึงภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ดังนี้

 

  • ดูแลร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรง
  • หลีกเลี่ยงความเครียด ทำความเข้าใจกับปัญหาต่างๆ
  • หากพบว่าป่วย ควรเข้ารับการรักษา ปฏิบัติตัวและกินยาตามคำแนะนำของแพทย์
  • ปรึกษาแพทย์ทันที หากพบความผิดปกติจากการใช้ยา
  • ไม่หยุดยาเองเด็ดขาด รวมถึงพบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด

 

แม้โรคไบโพลาร์จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมโรคไม่ให้รุนแรง โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดและประเภทของยาตามอาการ และที่สำคัญที่สุดคือ ความเข้าใจของคนใกล้ชิดและครอบครัว จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติอย่างมีความสุขได้

 

 

 

ข้อควรระวังโรคไบโพลาร์

 

ปัญหาที่พบบ่อยคือ ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อย เมื่ออาการดีขึ้นก็มักจะหยุดยาเอาเองทันที เพราะคิดว่าหายแล้วสามารถทำงานได้ปกติ และไม่รู้สึกว่าตนเองผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งมักเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการกำเริบขึ้นได้อย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นขั้วซึมเศร้าหรือขั้วคึกคัก (Mania) เมื่อเริ่มรับประทานยาใหม่ในแต่ละครั้งก็มักใช้เวลานานกว่าอาการจะกลับสู่ภาวะปกติได้

 

นัดพบแพทย์

นพ. สุชาติ ตรีทิพย์ธิคุณ

จิตเวชศาสตร์