อาการปวดข้อศอกด้านนอก (Tennis elbow)

January 26 / 2024

 

อาการปวดข้อศอกด้านนอก (Tennis elbow)

 

 

อาการเจ็บบริเวณข้อศอกด้านนอก หรืออาการเจ็บข้อศอกของนักเทนนิส (Tennis elbow) เป็นอาการที่พบกันมานานกว่า 100 ปี ปัจจุบันนักกีฬาเทนนิสอาจจะเคยมีปัญหาเกี่ยวกับโรคนี้ในระดับหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วผู้ป่วยที่มาหาแพทย์ด้วยโรคนี้จะเป็นนักกีฬาเทนนิสประมาณ 5% เท่านั้น

 

 

 

สาเหตุของเส้นเอ็นข้อศอกอักเสบ คืออะไร?

 

เกิดจากมีการบาดเจ็บของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อที่มาเกาะยึดบริเวณปุ่มกระดูกด้านนอกของข้อศอก สาเหตุอาจจะเกิดจากการบาดเจ็บเฉียบพลัน เช่น อุบัติเหตุ หรือเกิดจากการใช้งานซ้ำๆ ทำให้เกิดการเสื่อมของเส้นเอ็น เช่น การเล่นกีฬา อาชีพที่ต้องยกของ หรือลากของบ่อยๆ แม่บ้าน (กวาดบ้าน, บิดผ้า, ทำกับข้าว)

เมื่อเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อมีการบาดเจ็บ ประกอบกับวัยที่เริ่มมีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้เส้นเอ็นบริเวณที่มีการฉีกขาดเมื่อยังไม่ทันหายสนิทผู้ป่วยกลับไปใช้งานอีก เกิดการฉีกขาดซ้ำ มีการอักเสบ บวม ทำให้หายช้ากว่าปกติ อาจใช้เวลานานหลายสัปดาห์ จนถึงหลายเดือน

อาการอักเสบบริเวณข้อศอก อาจจะเกิดเพียงส่วนของเส้นเอ็น (Tendonitis) แต่บ่อยครั้งที่อาการอักเสบจะเกิดครอบคลุมถึงตำแหน่งที่เกาะของเส้นเอ็นบนกระดูก และข้อใกล้เคียง (epicondylitis)

 

 

อาการและอาการแสดงเอ็นข้อศอกอักเสบ

 

  • อาการปวด เป็นๆ หายๆ ของปุ่มกระดูกข้อศอกด้านนอก
  • อาจมีอาการปวดร้าวบริเวณหลังแขน ลงไปถึงข้อมือ
  • อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเวลายกของ โดยเฉพาะเวลาคว่ำฝ่ามือทำงาน เช่น กวาดบ้าน ลากของ ผัดกับข้าว
  • บางรายอาจมีอาการปวดมาก ไม่สามารถเหยียดแขนได้สุด

 

 

 

การวินิจฉัยอาการเอ็นข้อศอกอักเสบ?

 

การวินิจฉัย สามารถกระทำได้โดยง่ายจากประวัติและการตรวจร่างกายตามอาการแสดงข้างต้น แต่มีกลุ่มอาการที่มักจะเข้าใจผิดว่าเป็น tennis elbow บ่อยๆ เช่น อาการปวดของปุ่มข้อศอกด้านใน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อาการปวดข้อศอกของนักกอลฟ์ (golfer's elbow) ส่วนอีกอาการหนึ่ง คือ อาการปวดบริเวณปลายข้อศอกด้านหลัง บริเวณที่ใช้เท้าแขน สาเหตุมาจากถุงน้ำบริเวณข้อศอกอักเสบ (bursltls) ดังตารางข้างบน

 

 

รักษาเอ็นข้อศอกอักเสบอย่างไร?

 

เนื่องจากอาการปวดเกี่ยวข้องเนื่องจากการบาดเจ็บของเส้นเอ็นบริเวณดังกล่าวโดยตรง ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุด คือ การพักหยุดการใช้แขนที่ทำให้มีการปวดมากขึ้น

หลังจากพักให้อาการปวดดีขึ้น ควรทำการบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น ตามตัวอย่างด้านหลัง ดังนั้นหากมีความจำเป็นต้องกลับไปทำงานที่อาจเป็นสาเหตุ ทำให้เกิดอาการขึ้นมาใหม่ได้ ควรทำการบริหารกล้ามเนื้อก่อนการใช้งาน (อุ่นเครื่อง : warm up) การบริหารแต่ละครั้งควรใช้เวลานานประมาณ 5-10 นาที และควรหยุดถ้ามีอาการเจ็บเกิดขึ้น

การใช้ยารักษา : โดยทั่วไปแพทย์มักจะให้ยาต้านการอักเสบในผู้ป่วยที่มีอาการในระยะแรก และมีอาการไม่มากนัก ในกรณีที่ใช้ยาต้านการอักเสบไม่ได้ผล แพทย์มักจะแนะนำให้รับการฉีดยาประเภทสเตียรอยด์เข้าเส้นเอ็น ซึ่งสามารถจะระงับอาการอักเสบได้รวดเร็ว แต่ไม่ควรที่จะใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น เป็นรอยด่างขาวบริเวณฉีดยา, ชั้นไขมันใต้ผิวหนังยุบตัว, เส้นเอ็นฝ่อ

หากการรักษาดังกล่าวข้างต้นไม่ได้ผล ควรพิจารณาทำการผ่าตัด (ประมาณ 3% ของผู้ป่วย) เพื่อไปทำการขูดเอาเนื้อเยื่อที่เสียออก และทำการปรับแต่งเส้นเอ็นไม่ให้ตึงเกินไป

 

 

ป้องกันเอ็นข้อศอกอักเสบได้อย่างไร?

 

  • ยกของโดยหงายฝ่ามือขึ้น
  • บริหารกล้ามเนื้อบ่อยๆ
  • ทำการยืดกล้ามเนื้อก่อนการใช้งานเสมอ

 

 

ท่าบริหารเพื่อป้องกันเอ็นข้อศอกอักเสบ

 

ท่าที่ 1 : การบริหารยืดกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกระดกข้อมือขึ้น โดยการเหยียดแขนตรงไปข้างหน้า คว่ำมือลง แล้วทำการหักข้อมือลงสุด จนรู้สึกกล้ามเนื้อต้นแขนส่วนบนตึง

 

 

ท่าที่ 2 : การบริหารยืดกล้ามเนื้อท้องแขน โดยการเหยียดแขนตรงไปตรงข้างหน้า หงายฝ่ามือขึ้น แล้วทำการดัดข้อมือเข้าหาตัว

 

 

ท่าบริหารทั้งสองท่าเป็นการบริหารยืดกล้ามเนื้อ ควรทำทั้งสองท่าครั้งละ 15 วินาที ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง วันละ 3 รอบ

 

หลังจากการบริหารโดยการยืดกล้ามเนื้อแล้ว ควรทำการบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรง โดยการวางแขนบนโต๊ะ ให้ส่วนของข้อมือ และมือพ้นโต๊ะออกไป หรือนั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักวางแขน ใช้น้ำหนักเบาๆ ที่มีขนาดถือถนัดมือ เช่น ปลากระป๋อง กระทำในท่าที่ 3-6 ซ้ำๆ กัน ประมาณ 30 ครั้ง

 

ท่าที่ 3 : การบริหารกล้ามเนื้อแขน โดยการถือน้ำหนักที่เตรียมไว้ โดยการคว่ำฝ่ามือลง กระดกข้อมือขึ้นค้างไว้ 2 วินาที แล้วผ่อนลงช้าๆ

 

 

ท่าที่ 4 : การบริหารกล้ามเนื้อท้องแขน โดยการกระทำเช่นเดียวกับท่าที่ 3 แต่เปลี่ยนเป็นหงายฝ่ามือขึ้น แล้วทำการกระดกข้อมือเข้าหาตัว

 

 

ท่าที่ 5 : การบริหารกล้ามเนื้อด้านข้าง โดยการเหยียดแขนตรงไปข้างหน้า ถือน้ำหนักที่เตรียมไว้ในแนวดิ่ง ชี้นิ้วหัวแม่มือตามแนวดิ่ง แล้วทำการขยับข้อมือขึ้น-ลง (ข้อสังเกตุ : เวลาขยับควรให้แต่ข้อมือขยับ)

 

 

ท่าที่ 6 : การบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อมือ โดยการกระทำต่อจากท่าที่แล้ว แต่ทำการหมุนข้อมือแทน เริ่มโดยการหมุนมือเข้าใน ให้นิ้วหัวแม่มือชี้เข้าในมากที่สุด ค้างไว้ 2 วินาที หมุนกลับไปในทิศทางตรงกันข้าม ค้างไว้ 2 วินาที ทำซ้ำๆ ประมาณ 30-50 ครั้ง

 

 

ท่าที่ 7 : การบริหารโดยการนวด โดยผู้ปาวยใช้นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ทำการนวดบริเวณที่ปวดอย่างนุ่มนวล อาจจะใช้ยาทาร่วมด้วย นวดคลึงเบาๆ ประมาณ 5 นาที หลังการนวดถ้ารู้สึกปวดหรือระบม ควรใช้น้ำแข็งประคบ

 

 

 

ข้อควรระวังหากมีอาการเอ็นข้อศอกอักเสบ

 

  • หยุดการใช้งาน หรือท่าที่ทำให้มีแรงกระทำต่อข้อศอกจนรู้สึกปวดถ้าจำเป็นต้องทำ ควรทำการบริหารกล้ามเนื้อก่อนออกแรงประมาณ 5-10 นาที แล้วประคบเย็นทันทีที่เสร็จ หยุดพักเป็นระยะบ่อยๆ
  • ใช้แผ่นผ้ายืด หรืออุปกรณ์สำเร็จรูปรัดแขน บริเวณต่ำกว่าข้อศอกจะช่วยลดแรงที่มากระทำได้ ควรใช้เวลาเล่นกีฬาหรือ ยกของหนัก
  • ปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการปวดไม่ดีขึ้นติดต่อกันหลายวัน เพราะถ้าปล่อยไว้ให้มีอาการปวดเรื้อรัง จะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียสมรรถภาพอย่างถาวรได้ หรือมีอาการข้างเคียงที่เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น เกาท์, การอักเสบติดเชื้อ หรือการแพร่กระจายของมะเร็งจากที่อื่น

 

 

การรักษาที่ดีที่สุด คือ การพักหยุดการใช้แขนที่ทำให้มีการปวดมากขึ้น

 

 

แก้ไข

31/3/2565

 

 

นัดพบแพทย์คลิก

นพ.สิริศักดิ์ บูรณวัฒนาโชค

ศัลยกรรมกระดูกและข้อ

ส่องกล้องข้อไหล่และข้อเข่า