เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
เนื้องอกในสมองที่ไม่ได้มาจากสมอง : Brain Metastases
สารบัญ
โดยทั่วไปแล้วเนื้องอกที่พบเจอตรงอวัยวะไหน ก็มักจะเกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ในบริเวณนั้น แต่ทราบไหมครับว่า มีเนื้องอกในสมองชนิดหนึ่งที่ไม่ได้มีพื้นเพอะไรเกี่ยวกับสมองเลย แต่กลับมาปรากฏตัวที่สมองได้ โดยเนื้องอกชนิดนี้จะต้องออกเดินไกลมาจากอวัยวะอื่น เพื่อมาเติบโตที่สมอง และเนื้องอกที่มีความพยายามสูงนี้ ก็คือเนื้องอกมะเร็งนั่นเอง ที่สามารถกระจายมาจากอวัยวะอื่นเข้าไปในสมองจนทำให้เกิดเป็นเนื้องอกในสมองได้ ซึ่งเรามีศัพท์ที่ใช้เรียกโรคนี้ว่า Brain metastases (เบรน-เมตแทสเทซิส) หรือที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินคุณหมอ เรียกกันอย่างย่อว่า เบรน-เมต
การกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง
ที่มา : ขอบคุณภาพจาก นพ. นภสินธุ์ เถกิงเดช ประสาทศัลยแพทย์
เนื้องอกเบรน-เมตแทสเทซิสชนิดนี้พบได้มากถึง 50% ในจำนวนเนื้องอกที่ไปปรากฏตัวในสมอง ซึ่งถือว่าพบได้มากที่สุดในจำนวนชนิดของเนื้องอกในสมองทั้งหมด แต่ด้วยความที่ เบรน-เมต นั้นไม่ได้ เกิดมาเองจากเซลล์ที่อยู่ในบริเวณของสมองเอง ทำให้เรามักจะต้องตามหาว่าจริงๆ แล้วต้นกำเนิดของ เบรน-เมต ที่เราเจอนั้นมาจากมะเร็ง (Primary cancer) ส่วนไหนกันแน่ เพราะวิธีการรักษา และการพยากรณ์ของโรคจะแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับต้นสังกัดชนิดของมะเร็ง มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเบรน-เมตที่เราพบกันนั้น
ตรงนี้น่าสนใจครับเพราะว่าการกระจายของมะเร็งออกจากอวัยวะต้นกำเนิดไปยังอวัยวะอื่นนั้น ส่วนใหญ่ใช้การเดินทางผ่านระบบน้ำเหลือง หรือระบบหลอดเลือด แต่เนื่องด้วยสมองไม่มีระบบน้ำเหลือง ทำให้เส้นทางการกระจายของเซลล์มะเร็งมาที่สมองนั้น มาได้โดยผ่านระบบหลอดเลือดเป็นหลัก
ผมอยากให้ลองนึกภาพตามนี้นะครับสมมุติว่าเซลล์มะเร็งเป็นคนที่อาศัยอยู่ในประเทศ(อวัยวะ)ที่เข้มงวดและมีประชากรอยู่เยอะมากจนทำให้รู้สึกว่าประเทศนี้ไม่มีอนาคต และอดอยากเซลล์มะเร็งเลยต้องการที่จะออกนอกประเทศไปตายเอาดาบหน้า เพื่อวันข้างหน้าที่ดีกว่าแต่ด้วยการปกครองของประเทศนี้พลเมืองต้องอยู่ภายใต้กฏระเบียบอย่างเคร่งครัดดังนั้นการจะเดินทางออกนอกประเทศไปได้คือต้องหนีอย่างเดียวเท่านั้นซึ่งการจะหนีออกนอกประเทศนั้นก็ไม่ง่ายครับเพราะร่างกายเรามีเซลล์กำแพงหลายชั้นที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและเซลล์ทหารยามที่คอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา
ทำให้ค่อนข้างยากมากที่จะหลบหนีออกนอกประเทศไปได้และต่อมาสำหรับใครที่สามารถหนีออกมาจากแผ่นดินใหญ่ได้แล้วทุกคนก็จะมุ่งไปยังแม่น้ำสายพิเศษซึ่งนั่นก็คือหลอดเลือดครับเพื่อที่จะได้ลอยเรือหนีออกไปให้ไกลจากเดิมให้มากที่สุดด้วยความหวังที่จะสร้างบ้านใหม่ให้ได้แต่ความฝันของเซลล์มะเร็งก็ไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้นครับเพราะในแม่น้ำหลอดเลือดนี้เองจะมีตำรวจหน่วยพิเศษหลายหน่วยที่คอยดักจับและทำลายพวกเซลล์แปลกปลอมที่มาอยู่ในเส้นเลือดแบบผิดกฏหมายแบบเจอแล้วจับตายเท่านั้นดังนั้นกว่าที่จะล่องเรือไปขึ้นฝั่งได้ก็จัดว่าแทบแย่แต่แค่นี้ก็ยังไม่ถือว่าสำเร็จนะครับเพราะหลังจากขึ้นฝั่งไปที่อวัยวะใหม่ได้แล้วเซลล์มะเร็งยังต้องปะทะกับคนท้องถิ่นเดิมอีกซึ่งก็คือเซลล์ปกติของอวัยวะนั้นๆ ทำให้ต้องมีการสู้รบกันอีกยกใหญ่และที่สำคัญคือต้องเอาชนะคนพื้นเมืองให้ได้ก่อนถึงจะมีโอกาสตั้งรกรากเพื่อขยายครอบครัวต่อไปจากรุ่นสู่รุ่นคร่าวๆ
ประมาณนี้คงพอจะมองภาพออกแล้วใช่ไหมครับว่านี่เป็นงานที่ไม่ง่ายนักสำหรับเซลล์มะเร็งตัวนึงที่จะสามารถกระจายไปยังอวัยวะอื่นได้และเป็นการย้ำให้เห็นว่าร่างกายเราถ้าดูแลดีๆแล้วเราจะมีระบบต่อต้านเซลล์ผิดปกติที่เก่งมากที่ใช้คอยดูแลไม่ให้เกิดการกระจายของเนื้องอกผิดปกติในร่างกายได้ตรงนี้มีข้อมูลในทางสถิติจากการศึกษาพบว่าการสร้างบ้านหลังใหม่สำเร็จหลังจากหนีออกนอกประเทศได้แล้วของเซลล์มะเร็ง หรือที่เราเรียกว่ามีการกระจายไปที่อวัยวะอื่นได้นั้น มีโอกาสน้อยกว่า 0.01% ซะอีกนะครับ
เมื่อไหร่จะสงสัยว่ามี เบรน-เมต ?
ผู้ป่วย เบรน-เมต จะมีอาการตามนี้คือ 40-50 % ปวดศีรษะ, 40% มีการอ่อนแรงของแขนขา, 35% มีปัญหาด้านการรับรู้เข้าใจ หลงลืมง่าย, 10% จะมีชักเกร็งกระตุกได้ ซึ่งถ้าในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคมะเร็งอยู่เดิมหากมีอาการเหล่านี้ให้ระวังเอาไว้ว่าจะมี เบรน-เมต ร่วมด้วยได้ โดยที่เมื่อมีอาการที่น่าสงสัยเหล่านี้แล้วการตรวจต่อไปที่จำเป็นต้องทำ ก็คือการตรวจด้วยเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของสมอง หรือ ที่รู้จักกันดีว่า MRI โดยจำเป็นต้องฉีดสีนะครับ เพราะเนื้องอกชนิดนี้ จะเห็นได้ชัดเจนมากหลังได้ได้รับการฉีดสีโดยลักษณะเด่นที่สำคัญ ของเบรน-เมด คือ
1) มักจะพบมีเนื้องอกมากกว่า 1 ก้อน (มีแค่ 25% เท่านั้นที่พบเพียงแค่ 1 ก้อน)
2) มีขอบเขตเห็นชัดเจน
3) มีลักษณะการบวมของเนื้อสมองมาก เมื่อเทียบกับขนาดของเนื้องอก
โดยที่เรายังพบว่า เบรน-เมตนั้น เจอได้ทุกส่วนของสมองไม่ว่าจะเป็นสมองใหญ่ สมองน้อย และก้านสมองแต่สำหรับผู้ป่วยที่บังเอิญเจอเบรน-เมต เลยโดยที่ไม่มีประวัติของโรคมะเร็งมาก่อนนั้นอย่าลืมว่าจำเป็นต้องได้รับการตรวจหาต้นทางของมะเร็งด้วยเสมอครับซึ่งต้นทางที่เราต้องตามหานั้นก็ไม่พ้นอวัยวะหลักๆที่ได้กล่าวไปข้างต้น คือ ปอด เต้านม ผิวหนัง ไต และก็ลำไส้ โดยที่อวัยวะเหล่านี้มักจะมีก้อนเนื้องอกผิดปกติเกิดขึ้นเหมือนกันทำให้การตรวจเอกซเรย์ ทั้งที่ปอด และช่องท้อง ด้วยเครื่อง CT scan คืออันดับแรกๆที่จำเป็นต้องทำนอกจากนี้แล้วปลายทางของมะเร็งก็เป็นสิ่งที่ต้องตามหานะครับเพราะในเมื่อเดินทางมาถึงสมองได้ ส่วนอื่นของร่างกายก็อาจเดินทางไปถึงได้เช่นกัน ดังนั้นการทำ Bone scan หรือ PET scan จะมีบทบาทสำคัญในขั้นตอนนี้ครับ โดยที่จะขึ้นกับชนิดของมะเร็งต้นทางเป็นสำคัญที่จะเป็นตัวบอกแนวทางว่าควรตรวจอะไรเพิ่มเติมอย่างไร
แนวทางการรักษาหลักของเบรน-เมต คือ ต้องจัดการกับอาการของโรค เช่น การลดการบวมของสมอง ลดแรงดันที่เพิ่มสูงในสมอง รวมถึงการจัดการควบคุมต้นตอของมะเร็งควบคู่กันไป เพื่อในผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอายุที่ยาวนานขึ้นมากที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยการให้ยาในคนไข้กลุ่มนี้ จะมียาหลักที่จำเป็นต้องให้ คือ ยาลดบวมในสมอง ที่ใช้กันเป็นปกติคือ สเตียรอยด์ ที่จะทำให้อากากรของผู้ป่วยดีขึ้นก่อนที่จะเริ่มการจัดการโดยตรงกับก้อนในสมอง ในขั้นตอนนี้ต้องใช้การผสมผสานของวิทยาการทางการแพทย์หลายแขนง นั่นคือ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และ การฉายแสง โดยการเลือกวิธีในการรักษานั้น ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของมะเร็ง จำนวนและตำแหน่งของเบรน-เมด อายุและความฟิตของผู้ป่วย สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทีมแพทย์ต้องนำมาคิดวิเคราะห์ และเลือกว่าควรจะใช้การรักษาอย่างไรในผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ซึ่งถ้าไม่นับรวมความฟิตของผู้ป่วยที่เรามักใช้เป็นอันดับแรกในการวางแผนการรักษาแล้ว จำนวนและตำแหน่งของเนื้องอกก็ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทีมแพทย์ใช้ในการเลือกวิธีการรักษาว่าจะ ใช้การผ่าตัด หรือ การฉายแสงแบบพิเศษเฉพาะที่ stereotactic radiosurgery (SRS) เช่น Gamma-knife, cyber-knife รวมถึงการฉายแสงแบบทั้งสมอง whole brain radiation therapy (WBRT) ที่เป็นวิธีหลักในการรักษาโรคนี้ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีหลายการศึกษาที่แสดงให้เห็นแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันขึ้นกับจำนวนของเบรน-เมตว่ามีกี่ก้อนดังนี้ ได้แก่
1) ในกรณีที่เนื้องอกเบรน-เมดนั้น มีจำนวนแค่หนึ่งก้อน เราสามารถให้การรักษาโดยการผ่าตัด หรือ การใช้ SRS หรือ การใช้ร่วมกันทั้ง 2 วิธี จะให้ผลการรักษาที่ดี โดยที่อาจจะยืดเวลาการฉายแสงทั้งสมอง WBRT ออกไปก่อน เนื่องมาจากว่า การฉายแสงทั้งสมองนั้นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้มากกว่าโดยเฉพาะในแง่ของการทำให้สมองทำงานได้ช้าลง ความจำ การคิดวิเคราะห์อาจจะลดลง ส่วนการเลือกว่าจะผ่าตัดหรือทำ SRS นั้นต้องดูจากอาการ และตำแหน่งของก้อนในผู้ป่วยแต่ละราย แต่ถ้าก้อนเนื้องอกมีขนาดมากกว่า 3 ซม. นั้น การผ่าตัดก็จะเป็นทางเลือกมากกว่า เพราะการทำ SRS ในก้อนขนาดใหญ่นั้นมีโอกาสที่จะไม่สำเร็จสูงและเกิดผลข้างเคียงจากการบวมของก้อนมากขึ้นหลังฉายแสงได้ และที่สำคัญด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเทคนิคของการผ่าตัดทำให้การผ่าตัดนั้นปลอดภัยและได้ประโยชน์มาก เพราะไม่เพียงแต่ยืนยันชนิดของมะเร็งได้แล้ว ยังสามารถที่จะช่วยลดอาการของผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงลดโอกาสการเกิดซ้ำของโรคได้มากกว่าการใช้ SRS
2) ในกรณีผู้ป่วยที่มีก้อนน้อยกว่า 4 ก้อน การรักษาด้วยการผ่าตัด หรือ SRS ก็จะเป็นทางเลือกคล้ายๆ กันกับกลุ่มที่มีก้อนเดียว โดยที่กลุ่มนี้ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มที่จะได้รับผลการรักษาที่ดีหลังการรักษา ซึ่งการใช้ SRS ร่วมกับการผ่าตัดในบางกรณีจะมีบทบาทมากในการรักษากลุ่มนี้ และทำให้เราอาจยืดเวลาการต้องให้ WBRT ได้ออกไปอีกระยะหนึ่ง
3) ในกรณีที่มี เบรน-เมด หลายก้อนนั้น การฉายแสงทั้งสมอง WBRT จะกลายเป็นวิธีหลักที่ใช้รักษาและช่วยในการยืดเวลาของคนไข้ออกไปได้มากกว่า แต่ในมุมของการผ่าตัดในกรณีที่ 3 นี้ ในบางครั้งถึงแม้จะมีหลายก้อน แต่ถ้ามีบางก้อนที่มีขนาดใหญ่และสามารถผ่าตัดเอาออกได้ การผ่าตัดก่อนการฉายแสงก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ แม้ว่าจะไม่สามารถยืดอายุของผู้ป่วยได้ แต่ก็สามารถช่วย ลดอาการที่ผิดปกติ และลดการใช้สเตียรอยด์ลงได้ ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิติที่ดีในช่วงท้ายของชีวิต อย่างไรก็ตามต้องอย่าลืมว่าก่อนการให้การรักษาของแต่ละขั้นตอนนั้น ความฟิตของผู้ป่วยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องนำเอามาพิจารณาด้วยตลอด เพราะไม่เช่นนั้นแล้วแทนที่การรักษาจะช่วยให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นแต่อาจจะกลับทำร้ายผู้ป่วยมากกว่า
โรคนี้หลังจากวินิจฉัยแล้วถ้าไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเสียชีวิตใน 1-2 เดือนแต่เมื่อได้รับการรักษาสามารถยืดชีวิตผู้ป่วยออกไปได้อีกหลายเดือนครับโดยที่การพยากรณ์โรคของเบรน-เมตนั้นจะขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างครับสำคัญคือขึ้นกับชนิดของมะเร็งต้นทางเป็นหลักเพราะบางชนิดสามารถเอาตัวยีนที่อยู่ข้างเนื้องอกในนั้นมาศึกษาเพื่อหาแนวทางรักษาเพิ่มเติมได้จากยาใหม่ๆนอกจากชนิดของมะเร็งต้นทางแล้วแล้วปัจจัยที่มักเอามาใช้ประเมินต่อมาคือ ความฟิตของคนไข้, อายุ, จำนวนก้อนของเนื้องอก, การกระจายไปส่วนอื่นนั่นคือในคนไข้ที่ฟิตมาก อายุน้อย และไม่มีการกระจายไปที่ส่วนอื่นจะได้รับผลการรักษาที่ดีที่สุดครับ
ความฟิตของผู้ป่วยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องนำเอามาพิจารณาด้วยตลอด เพราะไม่เช่นนั้นแล้วแทนที่การรักษาจะช่วยให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นแต่อาจจะกลับทำร้ายผู้ป่วยมากกว่า
โดยสรุปแล้ว เบรน-เมตนั้นคือเนื้องอกในสมองที่ไม่ได้มาจากสมองเป็นเนื้องอกที่มีความพยายามที่เราไม่อยากให้พยายามและแม้ว่าโรคนี้จะดูร้ายแรงและการพยากรณ์โรคจะไม่ดีเท่าไหร่แต่ถ้าเรามีกำลังใจที่ดีและเข้มแข็งพวกเราก็จะผ่านมันไปได้ด้วยความรู้สึกที่ดีและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยไม่ติดค้างอะไรครับ เหมือนเป็นการรบได้รับชัยชนะที่ไม่ได้ชนะ
เนื้องอกในสมอง รักษาได้ไหม? อ่านเพิ่มเติม คลิก >> https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/519
นัดพบแพทย์คลิก
นพ. นภสินธุ์ เถกิงเดช
ประสาทศัลยแพทย์
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th