เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
เนื้องอกในสมองที่ไม่ได้มาจากสมอง : Brain Metastases
นพ. นภสินธุ์ เถกิงเดช
ประสาทศัลยแพทย์
โดยทั่วไปไม่ว่าจะพบเจอเนื้องอกตรงส่วนไหน ก็มักเกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ในบริเวณนั้น แต่ทราบไหมครับว่า มีเนื้องอกในสมองชนิดหนึ่งที่ไม่ได้มีพื้นเพอะไรเกี่ยวกับสมองเลย แต่กลับมาปรากฏตัวที่สมองได้ โดยเนื้องอกชนิดนี้จะต้องออกเดินไกลมาจากอวัยวะอื่น เพื่อมาเติบโตที่สมอง ซึ่งเนื้องอกชนิดนี้ก็คือเนื้องอกมะเร็งนั่นเอง เนื่องจากเนื้องอกมะเร็งสามารถกระจายเข้าสู่สมองจากอวัยวะอื่นและกลายเป็นเนื้องอกในสมองได้
เรามีศัพท์ที่ใช้เรียกโรคนี้ว่า Brain metastases หรือที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินคุณหมอ เรียกกันอย่างย่อว่า เบรน-เมต
การกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง
ที่มา : ขอบคุณภาพจาก นพ. นภสินธุ์ เถกิงเดช ประสาทศัลยแพทย์
เนื้องอกเบรน-เมตแทสเทซิส (Brain metastases) หรือเนื้องอกสมองจากมะเร็งระยะแพร่กระจาย พบได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ในจำนวนเนื้องอกที่ไปปรากฏตัวในสมอง ซึ่งถือว่าเป็นเนื้องอกในสมองชนิดที่พบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเนื้องอกเบรน-เมตไม่ได้เกิดมาจากเซลล์ที่อยู่บริเวณสมองเอง ทำให้เรามักต้องตามหาว่าที่จริงแล้วต้นกำเนิดของเบรน-เมตที่เราเจอนั้นมาจากมะเร็ง (Primary cancer) ส่วนไหนกันแน่ เพราะวิธีการรักษาและการพยากรณ์ของโรคจะแตกต่างกันตามแต่ชนิดของมะเร็ง มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเบรน-เมตที่เราพบกันนั้น
การกระจายของมะเร็งออกจากอวัยวะต้นกำเนิดไปยังอวัยวะอื่นนั้น ส่วนใหญ่ใช้การเดินทางผ่านระบบน้ำเหลืองหรือระบบหลอดเลือด แต่เนื่องด้วยสมองไม่มีระบบน้ำเหลือง ทำให้เส้นทางการกระจายของเซลล์มะเร็งมาที่สมองนั้น มาได้โดยผ่านระบบหลอดเลือดเป็นหลัก
เมื่อเซลล์มะเร็งอาศัยในอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งจนไม่รู้จะหยิบสารอาหารหรือแหล่งพลังงานใดมาหล่อเลี้ยงตัวเองให้มีชีวิต เซลล์มะเร็งจึงต้องเดินทางไปยังส่วนอื่นของร่างกายเพื่อความอยู่รอด อย่างไรก็ตาม การเดินทางหนีของเซลล์มะเร็งก็ไม่ง่าย เนื่องจากร่างกายของเรามีกำแพงเซลล์หลายชั้นที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและเซลล์คุ้มกันซึ่งเปรียบเสมือนทหารยามคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเซลล์มะเร็งสามารถฝ่าปราการกำแพงเซลล์หลายชั้นเข้าสู่กระแสเลือด เซลล์มะเร็งจะไหลเวียนตามกระแสเพื่อหาอวัยวะใดก็ตามที่มะเร็งเห็นว่าเป็นถิ่นฐานที่เหมาะสมสำหรับสร้างบ้านหลังใหม่ หากระบบภูมิคุ้มกัน เซลล์ปรกติจากอวัยวะนั้นและเซลล์อื่นที่ช่วยคุ้มกันสิ่งแปลกปลอมไม่อาจหยุดยั้งมะเร็งเหล่านี้ได้ เซลล์มะเร็งนั้นก็สามารถเข้าครอบครองพื้นที่นั้นและสร้างบ้านหลังใหม่ที่มีชื่อว่า 'เนื้องอก' เพื่อขยายลูกหลานต่อไป
ดังนั้นหากดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว ร่างกายย่อมมีระบบต่อต้านเซลล์ผิดปรกติไม่ให้ลุกลามกลายเป็นเนื้องอกผิดปรกติได้มีประสิทธิภาพ โดยข้อมูลทางสถิติจากการศึกษาพบว่าการสร้างเนื้องอกในสมองของเซลล์มะเร็งมีโอกาสน้อยกว่า 0.01%
ผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในสมองจากมะเร็งระยะแพร่กระจายสามารถแสดงออกได้หลากอาการ
หากมีอาการเหล่านี้ก็อาจมีเนื้องอกในสมองจากมะเร็งร่วมด้วยได้ การเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจต่อไปเป็นสิ่งจำเป็น โดยอาจเริ่มตั้งแต่การตรวจด้วยเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของสมอง (MRI) ร่วมกับการฉีดสีนะครับ เพราะเนื้องอกชนิดนี้เห็นได้ชัดเจนมากหลังได้ได้รับการฉีดสี
เราสามารถพบเบรน-เมตได้ทุกส่วนของสมอง ไม่ว่าจะเป็นสมองใหญ่ สมองน้อยหรือก้านสมอง หากผู้ป่วยที่บังเอิญเจอเบรน-เมตทั้งที่ไม่ได้มีประวัติของโรคมะเร็งมาก่อนนั้น ผู้ป่วยควรเข้าพบแพทย์เพื่อหาต้นทางของมะเร็งโดยละเอียดอยู่เสมอนะครับ ไม่ว่าจะเป็นปอด เต้านม ผิวหนัง ไต และลำไส้ ล้วนเป็นอวัยวะที่มีโอกาสเกิดเนื้องอกที่ผิดปรกติได้ทั้งสิ้น ก่อนสืบโรคจากปลายทางครับ เนื่องจากหากมะเร็งเดินทางมาถึงสมอง ส่วนอื่นของร่างกายก็อาจเดินทางไปถึงได้เช่นกัน
ดังนั้นการทำ Bone scan หรือ PET scan จะมีบทบาทสำคัญในขั้นตอนนี้ครับ โดยขึ้นอยู่ที่ชนิดของมะเร็งต้นทางเป็นสำคัญ เมื่อรู้จึงเป็นตัวบอกแนวทางได้ว่าควรตรวจอะไรเพิ่มเติม
แนวทางการรักษาหลักของเบรน-เมตคือการจัดการกับอาการของโรค เช่น การลดการบวมของสมอง ลดแรงดันที่เพิ่มสูงในสมอง รวมถึงการควบคุมต้นตอของมะเร็งควบคู่กันไป เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีอายุที่ยาวนานขึ้น
การรักษาด้วยยาโดยหลักของผู้ป่วยกลุ่มนี้คือยาลดบวมในสมองอย่างสเตียรอยด์ (Steroid) ซึ่งทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นหลังจากนั้นแพทย์จัดการกับก้อนในสมอง โดยอาศัยวิทยาการทางการแพทย์จากหลายแขนง เช่น การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด การฉายแสง
การเลือกวิธีในการรักษานั้นขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของมะเร็ง จำนวนและตำแหน่งของเบรน-เมด อายุและสภาพของผู้ป่วย ซึ่งแพทย์ประเมินและเลือกว่าควรใช้วิธีการรักษาใดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย สิ่งนั้นอาจเป็นการผ่าตัดหรือการฉายแสง เช่น
ปัจจุบันนี้มีงานศึกษาหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นแนวทางการรักษานั้นขึ้นอยู่กับจำนวนของเบรน-เมตว่ามีกี่ก้อนดังนี้ ได้แก่
แพทย์สามารถใช้การผ่าตัด การฉายแสงแบบพิเศษเฉพาะที่ (SRS) หรือการใช้ร่วมกันทั้ง 2 วิธี เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี โดยที่อาจจะยืดเวลาการฉายแสงทั้งสมอง WBRT ออกไปก่อน เนื่องมาจากการฉายแสงทั้งสมองอาจก่อผลข้างเคียงได้มากกว่า โดยเฉพาะความจำ การคิดวิเคราะห์และการทำงานจองสมองอาจช้าลง
ส่วนการเลือกว่าจะผ่าตัดหรือการฉายแสงแบบพิเศษเฉพาะที่ (SRS) นั้นต้องดูจากอาการและตำแหน่งของก้อนในผู้ป่วยแต่ละราย แต่ถ้าก้อนเนื้องอกมีขนาดมากกว่า 3 เซนติเมตร การผ่าตัดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะการฉายแสงแบบพิเศษเฉพาะที่กับก้อนขนาดใหญ่นั้นมีโอกาสไม่สำเร็จสูงและเกิดผลข้างเคียงจากการบวมของก้อนมากขึ้นหลังฉายแสงได้ นอกจากนี้ความก้าวหน้าวิทยาการแพทย์ทำให้แพทย์สามารถลดโอกาสเสี่ยงจากการผ่าตัดได้มาก
ไม่เพียงแต่ยืนยันชนิดของมะเร็งได้ แต่ยังช่วยลดอาการของผู้ป่วยและลดโอกาสการเกิดโรคซ้ำได้มากกว่าการใช้ SRS
การรักษาคล้ายกับกลุ่มที่มีเนื้องอกในสมองก้อนเดียว อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยการฉายแสงแบบพิเศษเฉพาะที่ (SRS) ร่วมกับการผ่าตัดในบางกรณีจะมีบทบาทมากกับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ทั้งอาจช่วยเรายืดเวลาการฉายแสงแบบทั้งสมอง (WBRT) ได้ไปอีกระยะหนึ่ง
การฉายแสงทั้งสมอง (WBRT) จะกลายเป็นวิธีหลักที่ใช้รักษาและช่วยยืดเวลาของผู้ป่วยออกไปได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดในกรณีที่ 3 นี้ แม้จะมีหลายก้อน แต่หากบางก้อนมีขนาดใหญ่และสามารถผ่าตัดเอาออกได้ การผ่าตัดก่อนการฉายแสงก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ แม้ว่าจะไม่สามารถยืดอายุของผู้ป่วยได้ แต่ก็สามารถช่วยลดอาการที่ผิดปกติ รวมทั้งยังช่วยลดการใช้สเตียรอยด์ลงได้
การพยากรณ์โรคของเบรน-เมตนั้นขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างครับ สิ่งสำคัญคือชนิดของมะเร็งต้นทางเป็นหลัก เพราะบางชนิดสามารถนำตัวยีนที่อยู่ข้างในเนื้องอกนั้นมาศึกษาเพื่อหาแนวทางรักษาเพิ่มเติมหรือแม้แต่การรักษาทางเลือกใหม่ซึ่งก่อเกิดประโยชน์ต่อวงการแพทย์ นอกจากนี้แพทย์ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นของผู้ป่วย เช่น สภาพร่างกายของผู้ป่วย อายุ จำนวนก้อนของเนื้องอก การกระจายไปส่วนอื่น หากผู้ป่วยยังมีสภาพร่างกายที่ดี อายุน้อย และไม่มีการกระจายไปที่ส่วนอื่นก็สามารถรับการรักษาที่ดีได้
สภาพของผู้ป่วยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องนำเอามาพิจารณาด้วยตลอด ไม่เช่นนั้นแล้วแทนที่จะช่วยให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นก็กลับเป็นทำร้ายผู้ป่วยมากกว่า
อ่านเพิ่มเติม: เนื้องอกในสมอง รักษาได้ไหม?
แหล่งอ้างอิง
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th